วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

ซื่อสัตย์-ซื่อตรง

ซื่อสัตย์-ซื่อตรง

จะเป็นด้วยความบังเอิญหรือเปล่าก็ไม่ทราบ ในค่ำคืนหนึ่งมีโอกาสได้เปิดโทรทัศน์ดูรายการต่างๆไปเรื่อยๆ ขณะที่กำลังเปลี่ยนไปช่องนั้นช่องนี้ อยู่ๆก็เห็นหน้าเพื่อนเก่าโผล่มาทางทีวี เลยหยุดดู เป็นสารคดีสั้นเรื่องราวที่นำเสนออยู่นั้นก็เคยอ่านพบเจอในหนังสือพิมพ์มาหลายสัปดาห์แล้ว เป็นเรื่องของคุณยายชาวปกาเกอะญอ ยอดกตัญญูที่ทำงานเก็บเงินมาใช้หนี้ให้โรงพยาบาลที่ตัวเองเคยมารักษาเมื่อสี่สิบกว่าปีที่แล้ว เลยลองหาข้อมูลข่าวย้อนหลังและโทรศัพท์ไปหาเพื่อนเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม ...

จากข่าวที่ลงไว้มีใจความว่า เมื่อวันที่ 18 ส.ค. นายสิริ เจริญธรรม (เพื่อนผู้เขียน) อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 9 ต.ท่าตอน อ.ท่าตอน จ.เชียงใหม่ ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เพื่อเข้าพบ น.พ.วัฒนา สินธุนาวา ผู้อำนวยการโรงพยาบาล มหาราชนครเชียงใหม่ โดยได้นำซองจดหมายที่บรรจุเงิน 3,000 บาท ไปมอบให้ โดยระบุว่าเป็นเงินค่ารักษาพยาบาลของ นางส่าพอ พาคลึ คุณยายชาวปกาเกอะญอ วัย 66 ปีในหมู่บ้านเมืองงาม ต.ท่าตอน อ.แม่อาย ที่เคยติดค้างหนี้กับทางโรงพยาบาลไว้เมื่อ 43 ปี ก่อน

นายสิริ เล่าว่า ในปี 2510 หลังจากนางส่าพอคลอดบุตรสาวได้ป่วยด้วยอาการมดลูกอักเสบ ด้วยความเจ็บปวดและทรมานทำให้ตัดสินใจเดินทางเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ แต่เนื่องจากในขณะนั้น ครอบครัวของนางส่าพอมีฐานะยากจนมาก จึงต้องยืมเงินจากเพื่อนบ้านจำนวน 23 บาท เพื่อเป็นค่าเดินทางและค่าอาหาร

หลังจากรับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นเวลา 2 สัปดาห์ จนอาการดีขึ้น แพทย์จึงอนุญาตให้กลับไปรักษาตัวที่บ้าน พร้อมแจ้งค่ารักษาพยาบาล แต่นางส่าพอไม่มีเงินจ่าย แพทย์จึงบอกว่าให้กลับบ้านได้มีเงินเมื่อไหร่ค่อยนำมาจ่าย หลังจากเดินทางกลับบ้านนางส่าพอ มีอาการดีขึ้นตามลำดับ กระทั่งสามารถมีบุตรได้อีก 6 คน ระหว่างนั้นก็ได้ประกอบอาชีพรับจ้างและทำสวนผักขายผลผลิตเพื่อเก็บเงินมาชดใช้หนี้

อย่างไรก็ตาม น.พ.วัฒนา ระบุว่า ประวัติการรักษาต่าง ๆ ของนางส่าพอ ปัจจุบันทางเวชระเบียนคงลบไปหมดแล้ว จึงไม่ทราบว่า แพทย์ท่านใดเป็นผู้รักษา และค้างชำระเท่าไหร่ แต่จำนวนเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะการช่วยเหลือผู้ป่วย เป็นเรื่องที่โรงพยาบาลทุกแห่งให้ความสำคัญมากที่สุด สำหรับเงินจำนวน 3,000 บาทนี้ จะนำเข้าสมทบกองทุนราชสมาทร เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้รายอื่น ๆ ต่อไป

จากการได้พูดคุยกับเพื่อน เพื่อนบอกว่าคุณยายส่าพอเป็นหนี้โรงพยาบาลเท่าไรนั้นจำไม่ได้ แต่คุณยายคิดว่า เงินสามพันบาทคงจะเพียงพอกับค่ารักษาพยาบาลและดอกเบี้ย เพื่อนยังบอกว่าคุณยายส่าพอ พอใจที่จะมอบเงินก้อนนี้ด้วยความสบายใจเป็นอย่างยิ่ง และมีคำๆหนึ่งที่คุณยายส่าพอ ฝากไว้ในรายการโทรทัศน์ที่ได้รับชมในค่ำคืนนั้น เป็นคำที่จำได้อย่างแม่นยำและขอน้อมนำมาฝากผู้อ่านทุกท่าน คุณยายส่าพอพูดไว้ว่า ถ้าจะรวยก็ขอให้รวยอย่างซื่อสัตย์ แต่ถ้าจนก็จงจนอย่างซื่อตรงสุดยอดคุณยาย และที่สำคัญคุณยายเป็นคาทอลิก ผู้ยึดมั่นในพระเจ้า ซื่อสัตย์ในทุกเรื่องตามแบบพระคริสต์ ถึงแม้คุณยายจะอยู่ไกลสุดขอบเขตของสังคม แต่น้ำใจและสิ่งที่คุณยายกระทำ เป็นการย้ำซ้ำเติมเพิ่มให้คนเมืองอย่างเราๆท่านๆ ผู้ที่ละเลย ยกเว้นเรื่องความซื่อสัตย์ ซื่อตรง มาอย่างยาวนานได้เห็นเป็นประจักษ์ แบบอย่างนี้เป็นดังหยดน้ำที่หยาดรดลงในดินทรายแห่งสังคมตัวใครตัวมันนิยม ที่มีแต่ความข่มขืน ฝืนเดินกันไปอย่างไร้ความสุขในหัวใจ แข่งกันใหญ่ สุดท้ายปลายทางก็ได้แค่คำแค่นๆสรรเสริญในงานศพ ....

ผู้ซื่อสัตย์ในเรื่องเล็กน้อย ก็จะซื่อสัตย์ในเรื่องใหญ่ด้วย ในสังคมแห่งการฉาบฉวย ร่ำรวยด้วยตัวเลขในบัญชี ใครดีใครได้ ไร้ความซื่อตรง คดโกง โก่งราคาค่าตัว มีหัวใจแต่ไร้สำนึก ถือว่าความซื่อสัตย์เป็นสมบัติของคนด้อยค่าในสังคม สาเหตุของความไม่ซื่อสัตย์อย่างหนึ่ง ก็คือ ความหลงอำนาจ เมื่อคนเรามีอำนาจเพิ่มมากขึ้น ก็มักจะมีแนวโน้มที่จะใช้อำนาจในทางที่ผิดมากขึ้นด้วย เมื่อมีอำนาจก็หลงตน คิดว่าประสบความสำเร็จและสามารถจะทำอะไรก็ได้ มีบ้างบางคนอาจถูกล่อลวงด้วยเงินทอง เกียรติยศ ชื่อเสียง จนกระทั่งปฏิเสธความซื่อสัตย์ที่มีอยู่ในชีวิตไปอย่างสิ้นเชิง

ความซื่อสัตย์เป็นบ่อเกิดแห่งความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจ "ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน" เราควรสร้างความประทับใจในลักษณะชีวิตความซื่อสัตย์ของเราด้วยในเส้นทางชีวิตที่เหลืออยู่

ความซื่อสัตย์ต้องเริ่มตั้งแต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ ไม่ว่าเราจะกระทำอะไร ก็ควรกระทำด้วยความรับผิดชอบ ทำผิดก็ต้องรับผิด อย่าคิดพลิกลิ้น แก้ตัว กลัวอาย การแก้ตัวนั้นในอีกแง่หนึ่ง เป็นการไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเอง ถึงแม้อาจจะฟังดูดีมีเหตุผล แต่ไม่มีประโยชน์ในการดำเนินชีวิตและกลับยิ่งเป็นการลดคุณค่าของตัวเองมากยิ่งขึ้น เราจึงควรยอมรับความจริงให้ได้แม้เราผิดพลาดไป มีใครบ้างเล่าไม่เคยพลาดพลั้ง และที่สุด จดจำให้ขึ้นใจว่า การดำเนินชีวิตด้วยความมั่นใจว่าความซื่อสัตย์ที่เราพากเพียรทำไว้นั้นจะสามารถปกป้องเราไว้ได้อย่างแน่นอน คุณยายส่าพอ พาคลึ ได้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระเยซูเจ้าแล้วในชีวิต เราได้เห็นเป็นตัวอย่าง สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า ซื่อสัตย์....

ไม่มีความคิดเห็น: