วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ใครสักคนที่เข้าใจ

ใครสักคนที่เข้าใจ

หนึ่งชีวิตที่ยืนหยัดอยู่คู่โลกเพียงไม่กี่หมื่นวัน แต่กลับมีเรื่องราวผ่านเข้ามาในแต่ละวันอย่างมากมาย มีทั้งสุข ทุกข์ สมหวัง ผิดหวัง มีเลวบ้างดีบ้างควบคู่กันไป มีหลายเรื่องราวเก็บงำเอาไว้คนเดียว มีบางเรื่องเพียงต้องการให้ใครสักคนเข้าใจและพร้อมที่จะรับฟัง แต่วันนี้ เวลานี้หามีไม่ เพราะแต่ละคนล้วนมีเรื่องราวของตัวเองอย่างมากมายเฉกเช่นกัน แม้เวลาเป็นส่วนตัวยังไม่มี สาอะไรจะมีเวลาไปให้คนอื่น ใครสักคนสำหรับเราวันนี้ มองซ้าย มองขวาก็ไม่เจอ..

เหตุการณ์ในโลก กระแสแห่งปัจจุบัน เป็นเหตุผลปั่นถอนจิตใจ กำลังใจ ของผู้คนในสังคมลงไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว จิตใจของผู้คนดูจะอ่อนแอ ในท่ามกลางความแข็งแรงของเครื่องยนต์กลไก ท่ามกลางความสะดวกสบาย แต่ชีวิตภายในกลับล้มเหลว ท่ามกลางการหมุนเวียนของเงินทองมหาศาล แต่เรากลับเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว ใช้เงินสร้างทุกข์มากกว่าสร้างสุข แล้วชีวิตจะหาความเบิกบานหรรษาได้อย่างไรเล่า.... ใครสักคนที่เข้าใจก็เป็นเช่นเดียวกับเรา ต่างคนต่างมองหน้า ต่างคนต่างเวิ่งว้าง ต่างคนต่างเปลี่ยวเหงา จะแปลกอะไรที่เราจะเห็นเด็กและเยาวชนไม่มีภูมิที่จะต่อส็กับปัญหาและอุปสรรคในชีวิต

สัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับคลิปวีดีโอที่ดีมากๆมาคลิปหนึ่งทาง E-mail ซึ่งเป็นเรื่องราวของชายพิการคนหนึ่งมีชื่อว่า นิค เขาไม่มีแขน ไม่มีขา กำลังบรรยายให้เด็กๆเยาวชนในฟัง เริ่มต้นการแสดงความสามารถ ทำให้ทุกคนสนุกสนานพร้อมกับทึ่งในความสามารถของเขา แล้วเขาก็นำเยาวชนเหล่านั้น เข้าสู่บทเรียนชีวิต เขาเป็นใครสักคนให้เด็กที่สมบูรณ์ทุกอย่าง เขาทำเป็นล้มลงและพูดกับเด็กๆเหล่านั้นว่า

พวกคุณทำอย่างไรเวลาล้มลง รีบลุกขึ้นเลยใช่ไหม แต่มีบางครั้งในชีวิตน่ะครับ ที่คุณล้มลง แล้วคุณรู้สึกว่าไม่มีเรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้น คุณคิดว่าคุณยังมีความหวังไหมล่ะ.... ผมล้มลงอยู่ตรงนี้ (ทุกคนเริ่มเงียบ) ก้มหน้าอยู่ตรงนี้ ผมไม่มีแขนไม่มีขา ดูเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะลุกขึ้น แต่มัน...ไม่ใช่เลย คุณรู้มั๊ยผมพยายามเป็นร้อยๆครั้ง เพื่อเรียนรู้ที่จะลุกขึ้นในทุกครั้งที่ผมล้มลง ถ้าผมล้มลงและยอมแพ้คุณคิดว่าผมจะลุกขึ้นได้ไหม ไม่ ...แต่ผมพยายามแล้วพยายามเล่า มันไม่ใช่จุดจบ มันสำคัญนะครับว่าคุณจะสิ้นสุดลงอย่างไร ถ้าคุณผ่านไปได้อย่างเข้มแข็ง คุณต้องอาศัยกำลังใจที่จะลุกขึ้น อย่างนี้ครับ

แล้วเขาก็ค่อยๆเอาศรีษะยันกับสิ่งของชิ้นหนึ่งที่ประกอบการแสดง แล้วลุกขึ้นยืนครึ่งท่อนได้อย่างสง่า เด็กทุกคนในห้องนั่งนิ่ง บางคนกั้นน้ำตาไว้ไม่ไว้ นี่ไงกำลังใจจากคนที่ไม่ครบแต่มีความสงบในจิตใจจนกระทั่งกลายเป็นใครสักคนที่เป็นกำลังใจให้อีกหลายชีวิตดำเนินต่อไป แล้วเราล่ะเป็นใครสักคนให้ใครบ้าง อย่าเอ่ยอ้างว่าไม่มีเวลา อย่าอ้างว่าไม่มีความสามารถ เพราะเอาเข้าจริงบางเรื่องในโลกไม่ต้องใช้ความสามรถ เพียงใช้หัวใจที่เข้มแข็ง หัวใจที่พร้อมมอบให้กัน

มีอีกตัวอย่างหนึ่ง น่ารักและน่าคิดเป็นอย่างยิ่ง....เจ้าของร้านติดป้ายไว้ที่ประตู มีข้อความว่า มีลูกสุนัขขาย มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งปรากฏตัวใต้ป้ายแผ่นนั้น และถามว่า ลูกหมาที่ขายราคาเท่าไรครับ มีหลายราคา ตั้งแต่ 30 ไปจนถึง 50 เหรียญ เจ้าของร้านตอบ หนูน้อยล้วงเข้าไปในกระเป๋าและควักสตางค์ออกมา ผมมีอยู่เพียง 2.37 เหรียญเองครับ ผมขอดูพวกมันหน่อยได้ไหมครับ เจ้าของร้านยิ้มแล้วผิวปาก เรียกลูกสุนัขขนฟู 5 ตัว หนึ่งในนั้นเดินตามมาอย่างช้า ๆ หนูน้อยสนใจลูกหมาตัวนี้ทันที เห็นได้ชัดว่ามันเดินลากขาเหมือนเป็นหมาพิการ

หมาตัวเล็ก ๆ นั่นเป็นอะไรครับ เจ้าของร้านบอก สัตวแพทย์ตรวจตรวจเจ้าลูกหมาตัวนี้แล้วพบว่ามันไม่มีสะโพก มันจะต้องเดินขากะเผลกและจะพิการไปตลอดชีวิต เด็กชายตื่นเต้นขึ้นมาทันที ผมขอซื้อลูกหมาตัวนี้ได้ไหมฮะ เจ้าของร้านตอบว่า อย่าเลย หนูคงไม่อยากได้ลูกหมาตัวนี้หรอก แต่ถ้าหนูอยากได้จริง ๆ ล่ะก็ ฉันจะยกให้ หนูน้อยเริ่มไม่พอใจ เขาจ้องหน้าเจ้าของร้านพร้อมกับชี้นิ้วพูดว่า ผมไม่ต้องการให้คุณยกมันให้ผมฟรี ๆ หมาตัวนี้มีค่ามากเท่ากับตัวอื่น ๆ และผมก็จะจ่ายให้คุณเต็มราคาด้วย แต่ผมจะให้คุณก่อน 2.37 เหรียญ และจะผ่อนให้เดือนละ 50 เซ็นต์ จนกว่าจะครบ
เจ้าของร้านยังค้านอีกว่า หนูคงไม่อยากได้ลูกหมาตัวนี้หรอกมันวิ่งไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้และเล่นกับหนูเหมือนกับลูกหมาตัวอื่นๆก็ไม่ได้ ถึงตอนนี้ หนูน้อยจึงนั่งลงและถกขากางเกงให้เจ้าของร้านเห็นขาข้างซ้ายที่ลีบเล็ก และมีเหล็กแท่งใหญ่พยุงเอาไว้ เขาเงยหน้ามองเจ้าของร้านและพูดนุ่ม ๆว่า นี่ไง ผมเองก็วิ่งไม่ได้เหมือนกัน และลูกหมาตัวนี้ก็คงต้องการใครสักคนที่เข้าใจมัน

และคุณล่ะจะเป็นใครสักคนสำหรับใครในโลกนี้บ้างไหม.....

ไม่มีความคิดเห็น: