หล่อเลี้ยงด้วยรัก
>>> การทำงานโดยปราศจากความรักคือการเป็นทาส : นักบุญเทเรซา แห่งกัลกัตตา <<<
ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนเรื่อยมาจนถึงสิ้นปี
จะเห็นการจัดงานแต่งงานกันมากมาย แม้แต่ที่วัดเซนต์หลุยส์ก็มีหลายคู่ที่มาทำพิธีแบบคาทอลิก
เป็นที่น่ายินดีที่เราเห็นทุกคนมีความรักและคนที่พร้อมจะสร้างครอบครัวไปด้วยกัน เช่นกัน ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเราก็เห็นข่าวการเลิกรา
การหย่าร้าง ของคนในสังคมมากขึ้น บางทีก็คิดว่า เวลาเปลี่ยน ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลง วิถีผู้คนก็เปลี่ยนไป เราอดทนต่อกันน้อยลง
เราไม่ค่อยใส่ใจดูแลกันเหมือนวันที่เราสัญญา ทำกันเพียงให้เป็นพิธีกรรมที่ดูดีดูเท่ในวันนั้น
ๆ คนเราวันนี้ต่างก็เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ คิดว่าเราเก่ง
เราเริดสุดแล้ว เราไม่ได้ใช้ความรักหล่อเลี้ยงชีวิต
เราใช้ความอวดเก่งห่อหุ้มชีวิตกัน บางทีเราก็แยกไม่ออกระหว่าง ความเชี่ยวชาญชำนาญ กับ
ความเก่ง ถ้าจะเป็นคนเก่ง ต้องมีความลุ่มลึก แตกฉาน
ต่อยอดในสิ่งนั้น ๆ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ต้องมีความรักในการทำสิ่งนั้น หลายคนทำเพราะต้องทำ แต่ไม่ได้มีความรักในสิ่งนั้น มีความเชี่ยวชาญแต่ไม่มีความสุข
ถ้าเรามีความรักจนมอบชีวิตจิตวิญญาณให้กับสิ่งที่รัก ก็จะไม่มีอีโก้ จะซื่อสัตย์ ไม่อิจฉาริษยา จะไม่เป็นทุกข์อะไรง่าย ๆ เพราะชีวิตจิตวิญญาณของเราได้มอบให้กับสิ่งที่รักแล้ว สิ่งที่รักจะอยู่ในจิตวิญญาณของเรา คนที่มีความรู้สึกเช่นนี้ จะไม่มีความกลัวสิ่งใด ๆ ไม่รู้สึกความต่ำต้อยไร้ค่า ไม่ได้ยึดติดกับความสวยความหล่อ ความร่ำรวย ไม่ยึดติดกับกิเลสตัณหา ความโลภความหลง อำนาจบารมี ไม่กลัวความยากลำบาก มีความอดทนเป็นที่ตั้ง ดังเช่นมารีย์และโยแซฟ มุ่งหน้าสู่เบธเลแฮม โดยมีรักของพระเจ้านำทางและหล่อเลี้ยงชีวิต
เราต้องเริ่มรักตัวเองให้เป็น ก่อนที่จะไปรักคนอื่น
ถ้าเรายังไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง แล้วเราจะไปคาดหวังให้คนอื่นมารักเรา นี่ก็คือการเห็นแก่ตัวชนิดหนึ่ง
ถ้าเรารักตัวเอง เราจะเห็นคุณค่าของเรา การรักตัวเองคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการมีความสัมพันธ์ทุกรูปแบบ
ให้ความรักนำทางเรา อย่าให้ความเก่งวิ่งแซงไป....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น