วันเสาร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2566

เบิกบาน เบิกบุญ

 

เบิกบาน เบิกบุญ

>>> “เมื่อท่านหัวเราะ โลกก็จะร่วมหัวเราะไปกับท่าน

แต่เมื่อท่านร้องไห้ ท่านจะต้องร้องไห้เพียงคนเดียว” <<<

ได้รับคำเชิญชวนให้ไปช่วยนำกิจกรรมสันทนาการให้กับเด็ก ๆ ในการ “แบ่งปันคริสต์มาส” ของชมรมผู้สูงอายุวัดเซนต์หลุยส์ร่วมกับอาสาโคเออร์ ที่ศูนย์บ้านพระบิดา  แถวสวนผึ้ง ราชบุรี ได้รับรู้เพียงว่าจะมีเด็ก ๆ ร่วมกิจกรรมประมาณสัก 40 กว่าคน ส่วนข้อมูลอื่น ๆ สถานที่เป็นอย่างไร มีเครื่องมืออุปกรณ์อะไรบ้าง คาดเดาไม่ถูก คิดเพียงว่าเราจะต้องทำให้เด็กสนุกสนานร่าเริง


และผู้ร่วมทางสายบุญครั้งนี้ หลายคนก็เพิ่งพบปะกันเป็นครั้งแรก เมื่อออกเดินทางการพูดคุยก็ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป บรรยากาศฉันท์มิตรคริสตชนก็เริ่มสร้างชีวิตชีวาในระหว่างทาง ความเบิกบานก็บังเกิดขึ้น เราแวะขอพรที่วัดนักบุญอักแนส ชัฐป่าหวาย ต่อด้วยการรับพรจากคุณพ่อที่วัดแม่พระฟาติมา ห้วยคลุม จนกระทั่งเราไปถึงศูนย์เกือบ ๆ เที่ยง ได้เวลาอาหาร เมื่อรถจอดเพื่อนำสิ่งของที่มีผู้บริจาคฝากมาเต็มคันรถลง เด็ก ๆ ต่างก็วิ่งมาทักทาย หลายคนพูดเป็นภาษาอังกฤษ
What is your name? เด็กที่นี่พูดภาษาอังกฤษเก่ง เพราะผู้ดูแลศูนย์เป็นชาวฟิลิปปินส์ และได้ทำอาหารฟิลิปปินส์ต้อนรับคณะเราด้วย ระหว่างทานอาหารก็เห็นเด็ก ๆ คละเคล้าทั้งเด็กโตและเด็กเล็ก และน่าจะฟังภาษาไทยพอรู้เรื่อง แต่...ไม่มีห้องประชุม มีเพียงลานปูนเล็ก ๆ หน้าศูนย์ มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา ไม่มีเครื่องเสียงแถมติดกับถนน กิจกรรมที่เตรียมไว้จำต้องยกเลิกเพราะสถานการณ์ไม่เอื้อ คิดอะไรได้ก็ทำ เมื่อเริ่มกิจกรรมทุกสิ่งก็เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ พระจิตนำทาง มีจุดมุ่งหมายเพียงสร้างความสนุกสนาน รื่นเริงให้เกิดขึ้น บางทีประสบการณ์มีค่ามากกว่าหลักการ แล้วเวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว สร้างความสนุกสนานและการมีส่วนร่วมของเด็ก ๆ กับคณะที่เดินทางไปครั้งนี้ เด็กเบิกบานด้วยการเบิกบุญของพวกเรา ทำให้ทุกคนสดใสขึ้นมา ใช่หรือไม่ การมีชีวิตที่เบิกบานนั้น มันมีค่ายิ่งนัก การให้ที่ยิ่งใหญ่ คือ การให้ชีวิตที่เบิกบานกับผู้คน




ผู้ที่มีหัวใจเบิกบาน บางครั้งก็ช่วยให้รอดพ้นจากภยันตรายในชีวิตได้ การที่จะฝึกใจให้มีความเบิกบาน ไม่ใช่เป็นเรื่องยาก ต้องหัดมองเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในแง่ดี วางใจในพระ เพราะพระองค์นำทางเราเสมอ มองในทางบวก เมื่อเราประสบเรื่องทุกข์ร้อนใด ๆ ก็อย่าให้ความทุกข์นั้นมากัดกร่อนกินให้ใจสลาย แก้สถานการณ์ด้วยประสบการณ์ อย่างมีสติ อย่ายึดติดกับหลักการและอุดมการณ์จนเกินงาม อดทนต่อความยากลำบาก และการได้อยู่กับผู้ที่รื่นเริงเบิกบาน แจ่มใส่ ก็ทำให้จิตใจเราเบิกบานไปด้วย รู้จักหาความสุขจากสิ่งที่เรามีอยู่ ไม่อิจฉาริษยาผู้อื่น ไม่โลภในสิ่งที่เราไม่มี ไม่มักใหญ่ใฝ่สูงเกินเอื้อมมือคว้า

ในชีวิตจริงของเรานั้นสิ่งที่จะทำลายความเบิกบาน ก็คือ หัวใจที่จมในความทุกข์ ความวิตกกังวล เราจงอย่ายอมให้จิตใจเป็นเช่นนั้น ระบายความวิตกทุกข์ร้อนบ้าง ทำบุญให้ทาน หากชีวิตยังมีแรงยิ้ม มีแรงหัวเราะ ก็ยิ้มและหัวเราะเสียบ้าง จิตใจเราย่อมสัมพันธ์กับร่างกาย การยิ้มการหัวเราะอยู่เสมอ สามารถขับไล่ความทุกข์ร้อนออกไป พระเยซูเจ้าสอนเราว่า “อย่าวิตกกังวลเกี่ยวกับพรุ่งนี้ เพราะวันพรุ่งก็จะมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับพรุ่งนี้เอง แต่ละวันก็มีความเดือดร้อนของมันพออยู่แล้ว” (มัทธิว 6: 34) จงรักษาความเบิกบานไว้ เพราะนี่คือความสุข เมื่อมี “ความสุข” ก็รักษาความสุขนั้นให้คงอยู่ตลอดไป มาเตรียมรับเสด็จพระกุมารคริสตเจ้าด้วยหัวใจที่เบิกบาน ในวิถีชีวิตประจำวัน ด้วยหัวใจแห่งการให้ซึ่งกันและกัน ให้ด้วยหัวใจที่เบิกบาน....

ไม่มีความคิดเห็น: