วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2566

อยากถือรีโมท

 

อยากถือรีโมท

>>> หากควบคุมตัวเองไม่เป็น อย่าริอ่านไปควบคุมสิ่งอื่นรอบตัวเอง <<<

เห็นรีโมทหลากหลายอันวางอยู่ตรงหน้า หลายครั้งหลายคราวหยิบผิดหยิบถูกเวลาที่รีบใช้ ต้องดูให้ดี ๆ ว่า รีโมทของเครื่องไหนเป็นเครื่องไหน เพราะทุกเครื่องไฟฟ้าใช้รีโมทในการควบคุมทั้งนั้น ถึงแม้เคยมีคนคิดค้นแอพพลิเคชันรีโมทรวมอยู่ในอันเดียวกัน แต่ก็ไม่สามารถทำงานได้ดีเหมือนกับรีโมทประจำเครื่องใครเครื่องมัน ยิ่งในเมื่อย้อนหลังสักสิบปีที่แล้ว เราต่างเสพติดการดูโทรทัศน์ การที่ใครได้ถือรีโมทไว้ นี่เป็นการกำหนดวิถีบันเทิงให้ผู้อื่น จะต้องดูในสิ่งที่เราเป็นผู้เปิด จะต้องฟังเสียงเท่าที่เรากำกับ เมื่อเวลาเปลี่ยนไป ผู้คนต่างมีหนทางของตัวเอง เพราะเลือกเสพสื่อตามใจชอบบนจอมือถือ โทรทัศน์หมดความจำเป็นรีโมทก็ใช้เพียงแค่ปิดเปิด และถูกทิ้งร้างวางไว้อย่างไม่สนใจใยดี เราต่างควบคุมกำกับวิถีรื่นรมย์ให้กับตัวเองได้ มีรีโมทประจำตัว


แล้วถ้าเรามีรีโมทชีวิตที่สามารถควบคุมจังหวะชีวิตได้หล่ะ??? หลายครั้งหลายหนที่เจอเรื่องสุขเราก็อยากจะเก็บมันไว้ เพื่อเล่นซ้ำไปซ้ำมา ทำให้เราอิ่มเอมใจ  แต่เมื่อเราเจอเรื่องทุกข์ ช่วงที่ดูเหมือนย่ำแย่ อยากกดรีโมทให้มันข้ามไป รีโมทแบบนี้แหละที่ทุกคนอยากได้ แต่แท้จริง ในทุกช่วงจังหวะแห่งชีวิตมีคุณค่าเสมอ เราต้องหมั่นทำความรู้จักและควบคุมทุกจังหวะ อย่ามัวแต่ไปควบคุมคนอื่นให้มีความคิดเหมือนเรา ต้องเป็นไปตามจังหวะที่เรากำกับ หันมาควบคุมตัวเองง่ายกว่า เหนือสิ่งอื่นใดให้พระอยู่ทุกช่วงชีวิตของเรา แม้ช่วงที่เราคิดว่าแย่ที่สุด  ก็จะยังมีคุณค่า  เพราะนั่นคือพระพรเพื่อให้ชีวิตเราก้าวหน้า พระเจ้าให้รีโมทกับเรามาทุกคน แต่พระองค์คือเจ้าของรีโมทที่แท้จริง

พระสันตะปาปากิตติคุณ เบเนดิกต์ ที่ 16 ผู้ล่วงลับ เมื่อสมัยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา เคยตรัสกับเยาชนไว้ว่า “...ถ้าเรายอมให้พระคริสต์เข้ามาในชีวิต เราจะไม่เสียอะไร ไม่เสียสิ่งที่ทำให้ชีวิตเป็นอิสระ สวยงาม  และยิ่งใหญ่  มิตรภาพนี้ เป็นประตูชีวิตที่เปิดกว้าง เราจะมีพลัง และความมั่นใจยิ่งใหญ่ เยาวชนที่รัก  อย่ากลัวพระคริสตเจ้า พระองค์ไม่เอาอะไรไป พระองค์ทรงให้ทุกสิ่งแก่เธอ เมื่อเรามอบตัวเราเองแด่พระองค์ เราจะได้รับร้อยเท่ากลับคืน

ไม่มีความคิดเห็น: