วันเสาร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

มาตรฐานเสมือนจริง

 

มาตรฐานเสมือนจริง

>>> โลกเสมือนจริงดูสวยงาม แต่แฝงด้วยความโหดร้าย

โลกออนไลน์สร้างโลภ ให้คนหลุ่มหลง<<<

ถ้าถามว่าวันนี้ระหว่างมือถือกับกระเป๋าสตางค์ เลือกที่จะเอาอะไรติดตัวออกจากบ้าน กระเป๋าสตางค์ไม่มีสตางค์ แต่มือถือมีเงินในอนาคตใช้จับจ่ายได้เสมอ ยามใดที่เราต้องการก็กด สแกนด้วยมือถือนี่แหละ ทำให้ชีวิตเราง่าย ความง่ายก็มักจะมาพร้อมภัยจากมิจฉาชีพที่พยายามจะหากินง่าย ๆ สบาย ๆ บนความทุกข์ยากของคนอื่น วันนี้เรามีมือถือที่แทบจะไม่อาไว้ใช้รับโทรศัพท์เพราะกลัวคอลเซ็นเตอร์ที่โทรมาหลอกลวง เราจึงใช้มันเพื่ออยู่ในโลกเสมือนจริง ในชุมชนโซเชี่ยล ที่กำลังแทรกซึมสร้างวัฒนธรรมให้เกิดมาตรฐานใหม่ ๆ ที่มีคนนำไม่กี่คน โดยการโชว์อวดรายได้ ประเภทอายุน้อยร้อยล้าน สร้างรายได้ง่าย ๆ สร้างภาพใช้ชีวิตหรูหรา ท่องเที่ยว อิสระเสรี เมื่อเราเสพสิ่งเหล่านี้มาก ๆ ก็ทำให้ต่อมความอยากผลิตสารเลียนแบบขึ้นมา พยายามทำให้ได้เหมือนเขา แต่ในความเป็นจริงจะมีกี่คนบนโลกจริงจะทำได้ดังเช่นภาพที่เราเห็น ทำไปทำมาเราก็เกิดกองทุกข์สุมแบบไม่รู้ตัว


เราไม่ได้ทุกข์เพราะเราขาด แต่เพราะเราอยากเราจึงทุกข์
อยากมีเหมือนเพื่อน อยากรวยเหมือนคนนั้น อยากดังเด่นเหมือนคนนี้ ต้องใส่เสื้อผ้าแพง ๆ แบนด์ดัง ๆ กระเป๋าจากฝรั่งเศส กินหรูดูเลิศ ให้มีเพื่อนมาอิจฉา ทำตัวเป็นผู้นำความสบาย อบอุ่นในโซเชี่ยล แต่กลับมาโดดเดี่ยวนอนคิดจะเอาเงินที่ไหนใช้ในวันพรุ่งนี้ เพราะเงินในอนาคตติดลบเกินจะเบิกจ่าย

ชีวิตเราถูกขีดเขียนให้มีเหมือนคนอื่น ๆ ไปเสียหมด เราต้องมีศักดิ์ศรีเป็นของตัวเองตามแบบที่พระเจ้าประทานให้เราแต่ละคน มีแค่ไหนใช้แค่นั้น ใช้เท่าที่มีเท่าที่จำเป็น ไม่ต้องไปดิ้นรน ค้นหาตามคนอื่นจนกลายเป็นมาตรฐานในหนทางชีวิตของเรา ความสุขมิได้อยู่ที่ต้องมีมาก อยู่ที่รู้จักบริหารในสิ่งที่มีต่างหาก ให้ตัวเองดูงดงามในนามของความธรรมดาบ้าง เราจะสุขได้ในโลกแห่งความเป็นจริงที่ไม่อิงแอบกับผู้อื่น โลภมิได้ช่วยโลก โลภสร้างมาตรฐานใหม่ที่ก่อทุกข์ให้เกิดขึ้น พ้นทุกข์ได้ก็ต้องรู้จักบริหารความโลภให้เป็น

วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

เลือกที่จะมอง

 

เลือกที่จะมอง

>>> ความสุขไม่ได้อยู่ที่เราครอบครองมากแค่ไหน แต่อยู่ที่เรามองสิ่งนั้นอย่างไร <<<


ตั้งแต่หัวค่ำยันฟ้าสาง สายฝนยังคงพักค้างแรมกับชาวกรุงตลอดทั้งคืน เสมือนเพื่อนที่จากกันนาน คิดถึงจึงมาหาพูดคุยกันครึ่งค่อนคืน ตื่นมาเห็นน้ำรั่วซึมในบ้าน อุปกรณ์รองไว้น้ำเกือบจะเต็ม พอเข้ามาเช็คข่าวสาร เต็มไปด้วยคำว่า ฝนถล่มกรุง น้ำท่วมกรุง ความทุกข์มาเยือน เห็นแล้วก็รู้สึกว่าเรายังโชคดีกว่าอีกหลายคน  หากจะมองว่าที่ฝนตกหนักหนาสาหัสเช่นนี้ คนกรุงจะได้ตระหนักรู้ว่า เป็นเพราะอะไร และเป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่จะต้องช่วยกัน หาใช่โยนให้ผู้ว่า
..คนเดียว คงเป็นไปไม่ได้ เราต้องช่วยกันมอง ช่วยกันแก้ไข ในชีวิตคนเราก็เช่นกัน อย่ามองสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตเพียงด้านเดียว บางทีแม้ใคร ๆ จะมองว่าทุกข์ อาจจะความสุขตามแบบของเราก็ได้

สาวชาวไต้หวันผู้หนึ่ง เป็นโรคสมองพิการแต่กำเนิดไม่สามารถเคลื่อนไหวตามปรกติ และพูดไม่ได้ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและศรัทธา เธอสามารถเรียนจบปริญญาเอกจากสหรัฐฯ เธอไปบรรยายในที่ต่างๆ เพื่อให้กำลังใจและช่วยเหลือผู้อื่น ครั้งหนึ่ง เธอรับเชิญไปบรรยายด้วยการเขียน  มีนักเรียนคนหนึ่งตั้งคำถามว่า ท่านอยู่ในสภาพนี้โดยกำเนิด แล้วท่านไม่รู้สึกน้อยใจรึ? ท่านมองตัวเองอย่างไร? คำถามอันละเอียดอ่อนนี้ สร้างความตะลึงแก่ที่ประชุมไม่น้อย ต่างเกรงว่า คำถามนี้จะทิ่มแทงจิตใจของเธอ ปรากฏว่า เธอหันหน้าไปยังแผ่นกระดาน เขียนตัวหนังสืออย่างไม่สะทกสะท้าน เธอหันหน้ายิ้มให้ผู้ร่วมประชุม แล้วเขียนข้อความต่อ

1.ฉันน่ารักมาก 2.ขาฉันเรียวยาวสวยดี 3.คุณพ่อคุณแม่รักฉันจัง 4.พระเจ้าประทานรักแก่ฉัน  5.ฉันวาดภาพได้ ฉันแต่งหนังสือได้ 6.ฉันมีแมวที่น่ารัก และ…..ขณะนั้น ที่ประชุมเงียบกริบ ไม่มีเสียงพูดจาใดๆ เธอหันกลับมามองดูทุกคน แล้วเขียนคำสรุปบนแผ่นกระดานว่า ฉันมองแต่สิ่งที่ฉันมี ไม่มองสิ่งที่ฉันขาด

เสียงปรบมือดังสนั่นในที่ประชุม ทัศนคติเชิงสุขนิยมและบทพิสูจน์ของเธอเพิ่มกำลังใจแก่ผู้คน มากมาย ข้อเขียนเธอมีพลังมาก “ฉันมองแต่สิ่งที่ฉันมี ไม่มองสิ่งที่ฉันขาด” การที่เราจะให้อะไรใครได้นั้น เราต้องเห็นคุณค่าในสิ่งที่เรามี แล้วเราจะให้คนอื่นอย่างมีคุณค่าและงดงาม

วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

นอกกายภายในใจ

 

นอกกายภายในใจ

>>> ทุกข์ของคนเราวันนี้มาจากการชอบที่จะเอาสิ่งของภายนอก ไปตั้งไว้ภายในใจ>>>

บ่ายธรรมดาวันหนึ่ง พาตัวไปอยู่ในห้างกลางกรุงย่านธุรกิจ ผู้คนเดินกันขวักไขว่ ผ่านร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนม เห็นคนหิ้วถุงคนละหลาย ๆ ใบ ตอนแรกคิดว่าเป็นชาวต่างชาติ ที่เริ่มเข้ามาท่องเที่ยว แล้วมาซื้อของถูกกลับบ้านเมืองของตน ที่ไหนได้ คนเหล่านั้นคุยกันเป็นภาษาเรา ๆ นี่เอง บ้างก็ว่าลดราคาเยอะต้องรีบมาซื้อ บางคนก็ว่านี่มารับจ้างหิ้วตามใบสั่ง ไม่ธรรมดาเลยกับการจับจ่ายของคนไทยเรา ครั้นมาในโลกออนไลน์กลับมีแต่เสียงพร่ำบ่นว่า ของแพงค่าแรงถูก กลับต่อว่าคนนั้นคนนี้ บริหารเศรษฐกิจไม่เป็นบ้าง โลกเสมือนจริงมีแต่เสียงก่นด่า ในโลกจริงมีแต่เสียงเริงร่า

ในสภาวะที่ทั้งโลกเข้าสู่ยุคข้าวแพงค่าแรงคงที่เช่นนี้ เราต่างพบทุกข์ นั่นเพราะอะไร? เพราะเราต่างหลงในกระแสเปลือกนอกที่ห่อหุ้ม ที่ต้องแสวงหามาปกปิดให้ดูดีดูเด่น แล้วยึดมั่นนำสิ่งเหล่านี้ลงในจิตใจ โดยมิได้แยกแยะว่าสิ่งใดควรมี สิ่งใดจำเป็น ไม่ใช่แค่มันจำเป็นต้องมีเพื่ออวด เพื่อโชว์ชีวิตให้ผู้คนอิจฉาหมั่นไส้ แต่แล้วต้องมานั่งทุกข์ใจอย่างโดดเดี่ยว ต้องระมัดระวังของแพงที่ซื้อหามา ใจก็ทุกข์ไม่เป็นสุขแล้ว ไหนจะกลัวว่ามันจะชำรุด จะขาด จะเปื้อน จะมีริ้วรอย ทำให้ใจเราก็ล่องลอยคล้อยเคลื่อนเลื่อนห่างไปจากเรื่องอื่น เช่นนี้แล้ว จิตใจเราจะมีช่องว่างสำหรับความงามในความดีได้หรือ เราซื้อรถป้ายแดง ก็ต้องเฝ้าระวังไม่ให้มีรอยขีดข่วนแม้กระทั่งเล็บแมว เรามีโทรศัพท์มือถือเรือนแสนเรือนหมื่นก็ต้องระแวงไม่ให้ตกหล่นกลัวเครื่องแตกเครื่องร้าว เราซื้อทองหยองมาใส่คอ ก็ต้องระมัดระวังโจรขโมยปล้นจี้อีกหลายเท่าตัว

หากในวันใดวันหนึ่ง เราอยู่กับความธรรมดา ชีวิตย่อมมีธรรมะง่ายกว่า มีที่ว่างสำหรับคำสอน มีพื้นที่ให้ความดีเข้าไปเติมเต็ม ในวันธรรมดาที่เราใส่เสื้อคอกลมพื้น ๆ คอที่ไร้เครื่องประดับ เดินไปไหนมาไหนย่อมรู้สึกปลอดภัย ในวันที่ไม่มีโทรศัพท์หรือปิดเครื่อง งดโซเชี่ยล วันนั้นเราจะรู้สึกว่าอิ่มเอมกับคุณค่าของเวลา แต่ก็นั่นแหละ ในเมื่อเรามีสิ่งของเหล่านี้แล้ว ก็ต้องรู้จักใช้รู้จักพอ รู้กาลเทศะ อย่าเอาความวุ่นวายภายนอกมาสวมใส่ใจภายในให้ว้าวุ่น มาทำให้ชีวิตเราหนีพ้นกับดักแห่งความทุกข์สักวันกันครับ

วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

แค่รู้สึกหรือต้องรู้ลึก

 

แค่รู้สึกหรือต้องรู้ลึก

>>>อย่าไปคาดหวังกับเด็ก เพราะทุกสิ่งที่เขาทำ มาจากความรู้สึกล้วนๆ ไม่มีเหตุผล

อย่าวัดค่าของคนอื่นแค่ความรู้สึกของเรา เพราะนั่นคืออารมณ์ของเด็กนั่นเอง<<<

รู้สึกคันคอนิดหน่อย เช้ามาจึงรีบตรวจ ATK เพราะตามข่าวบอกไว้ว่า แค่รู้สึกเจ็บคอก็ให้สงสัยว่าจะเป็นโควิด เกิดจิตแตก เพราะกลัวติดนี่แหละ โควิดลดความน่ากลัวลง แต่ก็ติดต่อกันง่ายดายเหลือเกิน มองไปรอบตัวมีแต่คนติด ก็ต้องพยายามดูแลรักษาสุขภาพให้ดีกันต่อไป มิใช่เพียงสุขภาพเท่านั้น สุขภาพจิตด้วย ยิ่งเราอยู่ในสังคมที่เอาความรู้สึกนำหน้าความรู้จริง รู้ลึกด้วยแล้ว ก็ยิ่งดำเนินชีวิตลำบากมากขึ้น อะไรนิดอะไรหน่อยเดี๋ยวทัวร์ลง ไม่ตามกระแสก็เจอดราม่าฆ่าให้ตายคาโซเชียล ใครว่าการดำเนินชีวิตวันนี้ง่าย ดูไปยิ่งยากลำบากกว่ายุคเก่าก่อน ต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว ทุกคำพูด ทุกกิริยา เพราะใครมีสื่อ มีกลุ่มก้อนแฟนคลับหนุนนำด้วยแล้ว ย่อมได้เปรียบ ย่อมพูดอะไรทำอะไรก็ดูดีไปหมด วันนี้เราอยู่ในสังคมแห่งความรู้สึกนำ  

แต่ก็นั่นแหละ ถ้าต้องยกระดับตัวเองให้มีตัวตนในสายตาคนอื่นต้องมีคนเป็นกองหนุน กองเชียร์ ก็คงต้องพยายามทั้งชีวิต บางคนพยายามหนักมากเพื่อสร้างภาพให้ดู​น่าสนใจ ทำทุกสิ่งอย่างเพื่อบอกโลกว่า​เก่ง​ทุกอย่างดีไปเสียทุกด้าน มันใช่​ความสุขหรือเปล่า เอาเข้าจริงคนที่รู้ว่าตัวเองมีค่าพอเขาจะไม่ยอมเหนื่อยเพื่อแลกกับ​ชีวิตจอมปลอมเช่นนี้เด็ดขาด ดีที่สุดคือ รู้ตัวเองให้ลึกซึ้ง นับถือตัวเองให้เป็น มองเห็น​คุณค่าที่้เรามี รักทุกอย่างที่เป็นตัวเองโดยไม่มีข้อแม้ ชีวิตเป็นสิทธิ์ของเราตามพระเจ้าประทานมา จะดี​ จะร้าย ​ทุกข์บ้าง​ สุขบ้าง ก็คือชีวิตเรา ไม่ได้มีไว้อวดใคร

คนเราเมื่อเติบโตถึงจุดหนึ่ง จะคิดได้ว่าเราไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ตัวเองกับใคร ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศบอกใครว่าเราเป็นยังไง เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่ายังไงชีวิตเราก็ต้องดำเนินต่อไป หน้าที่ของการเกิดมาคือ การทำให้ตัวเองมีความสุข ไม่ได้เกิดมาเพื่อให้ใครรู้สึกยังไงกับเรา วันนี้เรายิ่งต้องเพิ่มความรู้ตัวให้มากยิ่งขึ้น และพยายามรับรู้ความรู้สึกของคนอื่นด้วยความรู้ลึกของเรา จึงจะช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างจริงใจ อย่าช่วยเพียงเพื่อสร้างภาพ หยุดวัฒนธรรมเอาป้ายไวนิลไปกางในการไปทำบุญทำทาน เพราะเมตตาที่แท้จริงมาจากใจมิใช่ออกมาเพียงแค่ความรู้สึก

วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

หลากด้านหนึ่งมุม

 

หลากด้านหนึ่งมุม

>>> แสงที่ส่องลงด้านใดด้านนั้นสว่าง

แต่มุมที่เรามองแม้จะย้อนแสงก็งดงามได้ <<<

เห็นตุ๊กตาเทวดายืนอยู่ในตู้โชว์มานานวัน จนเราหลงลืมความสวยงามนี้ไป ครั้นลองหยิบออกมาวางดูใกล้ ๆ เห็นความงดงามที่ดวงตาสีฟ้า เปลี่ยนมุมพลิกด้าน มีความสวยงามที่แตกต่างออก มีมุมที่สีหลุดลอก แต่เราต้องมองดูภาพรวม มันคือมุมที่สวยสุด ทุกคนย่อมมีมุม ที่ใช้ไม่ได้ ไม่งดงามด้วยกันทั้งนั้นแหละ ใครจะเลิศเลอสมบูรณ์แบบไม่มี ทุกคนต่างก็พยายามหันด้านที่สวยงามออกมา ส่วนด้านบกพร่องก็ต้องเก็บซ่อนไว้ เราก็เช่นกันยังหัน ด้านดี ๆ ของเราออกมาให้คนอื่นเห็นเสมอ ด้านแย่ ๆ ก็เก็บงำในซอกมืด ๆ เป็นธรรมดา อย่าไปอิจฉาใคร อย่าไปอยากเป็นเหมือนใคร เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่า สิ่งที่เขากำลังเป็นนั้นเป็นของปลอมหรือเปล่า มีความสุขในแบบเรานั้นแหละ ดีที่สุด มอบด้านดีให้ผู้อื่นได้เห็น ในด้านแย่ ๆ พยายามปรับเปลี่ยนจนกลายเป็นด้านดี


ในโลกโซเชียลโลกที่มีความหลากหลาย และของปลอมเต็มไปหมด ดูเหมือนว่าทุกคนต่างพลิกแต่ด้านดีเพื่อให้คนอื่นชื่นชมกันทั้งนั้น เราจะหันโลกใบไหนให้คนรู้จัก โลกใบไหนจะอธิบายสิ่งที่เราอยากให้คนรู้ ใช่หรือไม่ บางคนแสนดีในโลกโซเชียล แต่แสนแย่โลกความจริง บางคนโชว์ความรวยโลกโซเชียล แต่ในชีวิตจริงเป็นหนี้มหาศาล บางคนโชว์รูปเที่ยวทุกวัน แต่ในชีวิตจริงทำงานโคตรหนัก  อย่าเชื่อใคร จนกว่าจะได้รู้จักตัวตนของคน ๆ นั้น คนเรามีโลกหลากด้าน โลกที่เราอยากเป็น โลกที่เราเป็นอยู่ โลกที่เราเป็นจริง ๆ โลกที่เราอยากให้คนเห็น โลกที่แสนเข้มแข็ง โลกที่ช่างอ่อนแอ โลกของการคิดดี โลกของการคิดเลว หลากหลายด้านจริง ๆ เรียนรู้โลกทุกด้านให้เป็นมุมมองเดียว มองด้วยหัวใจ เราจะเห็นมุมแห่งความรักในทุกกาลเวลา