หิวแสง
ด้วยว่าตั้งแต่เช้าแถบไม่ได้นั่ง เพราะภารกิจเร่งด่วนต้องทำนั่นทำนี่ ทำให้เวลาผ่านไปเร็วยิ่งนัก หันดูเวลาอีกทีก็เที่ยงวันเข้าไปแล้ว รีบหาอะไรทานรองท้องแบบง่าย ๆ เพื่อมีเวลาทำสิ่งที่ค้างคาให้เสร็จสิ้น บ่ายแก่ ๆ ต้องขับรถกลับบ้าน และด้วยสาเหตุอันใดมิทราบได้ ทั้งวันรถติดหนึบไปทั่วกรุง บนถนนสาทร สาหัสเหมือนเคย หนึ่งชั่วโมงเต็ม ๆ กว่าจะหลุดพ้น ในขณะที่นั่งรอลุ้นว่ารถจะเคลื่อนไปข้างหน้าเมื่อใด เสียงท้องก็เล็ดลอดออกมา ทำให้นึกขึ้นได้ว่า ทานข้าวเที่ยงไปนิดเดียว ท้องเลยเรียกร้องให้รู้ว่า “หิว” อาการหิวนี่เรามีกันทุกคน เมื่อหิวก็ทำให้กระสับกระส่ายอยากจะทานขึ้นมาทันที แต่จังหวะของชีวิตบ่อยครั้งก็มิอาจจะทำได้ตามใจปากตามใจปรารถนา โชคดีที่เมื่อหิวเรายังพอที่จะหาอะไรทานทำให้ท้องอิ่มได้ มีอีกหลายคนในโลกหิวแล้วหิวเลย หิวจนชินชา หิวจนไม่รู้จักว่าหิวเป็นเช่นไร ...
พูดถึงความหิว เรามักจะนึกถึงการกินอาหารเป็นหลัก แต่อาการหิวที่เกิดจากกาย-ใจสัมผัสก็มีเช่นกัน บางคนหิวตำแหน่งแข่งขันกันเป็นที่หนึ่ง แข่งอวดแข่งเก่งเพราะหิวในลาภยศสรรเสริญ บางคนหิวในเรื่องคนอื่น สายตาสอดส่อง ปากขมุบขมิบ หูกางเป็นใบเรือ เมื่อได้ยินเรื่องของคนอื่น กระหาใคร่รู้เรื่องคนอื่นหมื่นแสน แทนที่จะสนใจเรื่องของตัวเอง วิจารณ์วิพากษ์หาได้วิเคราะห์ นำไปเติมแต่งเสริมให้สนุกเล่าอย่างเล้าโลมโหมไฟ อาการหิวถึงขั้นกระหายแบบนี้อันตรายยิ่งนัก เพราะจะนำความทุกข์มาสุ่มใส่ทั้งเราและเขา เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องสู่รู้ เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องตัดสินด้วยความหิวทางตา ทางปาก เท่านั้น เพราะสิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้ยิน หาใช่ความจริงทั้งหมด ก่อนและหลังจากที่เราเห็น เราได้ยิน เราสัมผัสนั้น มีที่มาและที่ไปอีกหลายต่อหลายอย่าง ฉะนั้นแล้ว ผู้รู้จึงบอกเราว่า โลกนี่คือมายา หาใช่ความจริงทั้งหมด นี่เป็นความหิวที่มาจากกายสัมผัสเท่านั้น
ยังมีความหิวอีกระดับหนึ่ง เป็นความหิวภายใน ซึ่งกระตุ้นให้เกิดกองกิเลสอันใหญ่หลวง ที่วันนี้เราเรียกความหิวแบบนี้ว่า การหิวแสง หมายถึง การหิวที่ต้องการมีตัวตน เป็นความหิวที่อยากเด่นอยากดัง อยากเป็นที่ยอมรับว่า เก่ง เจ๋ง กว่าใคร ๆ และด้วยว่า วันนี้เรามีเครื่องมือที่ช่วยคนเราให้เจิดจ้าขึ้นมาได้ง่าย สื่อใหม่ สื่อออนไลน์ คือ เครื่องที่จะสร้างแสงดับหิวความกระหายของผู้คนได้ เราจึงเห็นหลายคนพยายามที่จะทำให้มีตัวตนบนโลกออนไลน์ โดยไม่สนใจวิถีทางแห่งความถูกต้อง ขอให้ได้เป็นที่รับรู้ไม่ว่าด้านใดก็ได้หมด น่าสลดใจไม่น้อยกับวิถีใหม่ที่ทำให้เกิดคนหิวแสงแบบนี้ คนเหล่านี้มิได้มีแสงในตัวเอง แต่ต้องการแสงจากที่อื่นส่องมาหาตัวเอง ทุกลำแสงต้องสาดมาหา จากที่ไม่มีตัวตน ก็จะกลายเป็นจุดสนใจ แสงทุกแสงทุกแห่งหนพุ่งเข้าหา นี่จึงเป็นการสร้างเวทีแห่งตนโดยอาศัยแสงจากแหล่งอื่น ไม่จำเป็นต้องเป็นแสงสีอะไรใด ๆ ในตนเองทั้งสิ้น เรากำลังมีคนแบบนี้มากไปหรือเปล่า ? สังคมโลกมีแต่คนหิวแสง โดยไม่คิดที่จะสร้างแห่งตนคนดีงามกันเลยเชียวหรือ !!!
ทุกคนมีแสงในตัวเอง
และแสงนี้ต้องเป็นประโยชน์ในการชี้ทางชี้นำผู้อื่น เพื่อให้เขาหลุดพ้นจากความทุกข์
เพื่อต่อเติมแสงให้คนอื่น จากแสงแห่งเรา จะกลายเป็นแสงแห่งโลก แสงแห่งรัก
ต้องสร้างด้วยหัวใจบริสุทธิ์ ต้องมาจากใจที่ไม่คาดหวัง ไม่จำเป็นต้องเป็นแสงที่แรง
เพราะแสงที่แรงเกินไปอาจจะร้อนทำลายทั้งตัวเราและผู้อื่น ทุกคนสร้างแสงได้โดยไม่ต้องใช้ความหิวเพื่อแสร้งสร้าง
แสงที่น้อยถ้าอยู่ในที่มืดมิดย่อมมีความหมายมากว่าแสงของพระอาทิตย์ยามเที่ยงวันฉันใด
แสงที่เกิดจากความดีงามของเราที่ทำเป็นประจำ จะนำแสงธรรมส่องหนทางแก่ความรอบกายเราฉันนั้น
ทุกคนมีแสงในคัวเอง...