กลับบ้านอย่างสุขใจ
การออกจากบ้านเพื่อไปทำงาน
ทำภารกิจประจำวันของเราแต่ละคนนั้น ย่อมมีความแตกต่างกัน แต่ที่เหมือนกันคือเราต่างกระทำภารกิจนั้นให้แก่กันและกันโดยรู้ตัวบ้างและไม่รู้ตัวบ้าง
และจะดีไม่น้อยเลยหากเราพยายามทำให้รู้ตัวบ่อย ๆ ว่าสิ่งที่เราได้กระทำอยู่นั้นมีประโยชน์ต่อผู้อื่นเพียงใด
ไม่ว่าจะเป็นนักบริหาร แม่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง รปภ. ไม่ว่าจะเป็นนักบวช
พนักงานประจำ ทุกชีวิตต่างเอื้อเกื้อกูลกัน ยิ่งเราตระหนักถึงสิ่งที่เราทำนั้นเพื่อผู้อื่นมากกว่าตัวเองมากเท่าใด
เราจะกลับบ้านอย่างสุขใจทุกครั้งมากขึ้นเท่านั้น ไม่ใช่ว่า
รอหมดเวลาเพื่อรีบกลับบ้าน แล้วกลับไปจมปลักกับความทุกข์พร่ำบ่นว่าทำไมไม่ได้ไม่เป็นอย่างคนนั้นคนนี้
หรือนำความอิจฉาแบกกลับบ้านไปด้วย
ในสังคมปัจจุบันที่กระแสมักจะทำให้คนเราต่างต้องดิ้นรนให้ตนเองพ้นความยากลำบาก
จนกลายเป็นว่าต้องทำทุกอย่างเพื่อหลุดพ้น ที่ไหนได้เราต่างก็สร้างความทุกข์สร้างปมให้กันและกันเพิ่มขึ้น
เราต่างมีความเห็นแก่ตัวจนเกินขอบเขต
เรามัวแต่สร้างอาณาจักรให้ตัวเองหลงลืมการสร้างอาณาจักรของพระไปเสียสิ้น
บางครั้งเราต่างก็คิดว่าเราต้องสร้างเกราะสร้างกำแพงเพราะความกลัวว่าชีวิตจะไม่มั่นคง
ยิ่งสร้างกลับยิ่งกลัวยิ่งกลวง และหยุดที่จะก้าวเดินในหนทางธรรม สิ่งแรกเราต้องคิดเสมอว่าเรามิได้อยู่คนเดียวลำพังในโลก
เรามีกลุ่ม มีเพื่อน มีครอบครัวและเราต้องเดินก้าวไปด้วยกัน ใครกลัวใครล้มก้าวไม่ไหว
ก็ช่วยกันประคอง เพื่อเราจะกลับบ้านด้วยกันอย่างสุขใจ
ครั้งหนึ่ง
พระสันตะปาปาทรงให้เด็กนักเรียน พร้อมด้วยผู้ปกครองและครูอาจารย์กว่า 9,000
คนจากโรงเรียนของคณะเยสุอิตเข้าเฝ้า โดยช่วงแรก พระสันตะปาปาทรงเตรียมบทสคริปท์ที่จะพูดกับเด็ก
ๆ ไว้แล้ว แต่พระองค์เปลี่ยนใจ โดยยกสคริปท์ขึ้นมาและกล่าวว่า “จริง ๆ แล้ว
พ่อเตรียมสคริปท์ไว้ 5 หน้า แต่พ่อเปลี่ยนใจไม่ใช้ดีกว่า พูดตามสคริปท์มันน่าเบื่อ!
พ่อขอพูดสด ๆ กับพวกหนูก็แล้วกัน” ...
หลังจากพูดเสร็จ
พระสันตะปาปาทรงเชิญเด็ก ๆ ถามคำถามพระองค์ในสิ่งที่อยากรู้ แล้วพระองค์จะตอบพวกเขาแบบเป็นกันเอง
เราไปดูกันว่า งานนี้ เด็กถามและพระสันตะปาปาตอบ จะสนุกขนาดไหน
เด็กถาม: “พระสันตะปาปา
ฟรังซิส พระองค์เคยต้องการจะเป็นพระสันตะปาปาไหมคะ”
พระสันตะปาปาตอบ:
“หนูก็รู้อยู่แล้วว่า ใครที่ต้องการเป็นพระสันตะปาปา คนนั้นย่อมสนใจตัวเองมากกว่าพระศาสนจักร
ซึ่งพระเจ้าไม่ต้องการคนแบบนี้ สำหรับตัวพ่อเอง
พ่อไม่เคยต้องการจะเป็นพระสันตะปาปาเลย”
ภาพ : อินเตอร์เน็ต |
เด็กถาม:
“ทำไมพระองค์ไม่พักในวังพระสันตะปาปาคะ”
พระสันตะปาปาตอบ:
“มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตฝ่ายจิตน่ะ
การอยู่ตามลำพังในวังพระสันตะปาปาทำให้พ่อไม่สามารถแบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้กับเพื่อนพี่น้อง
นิสัยของพ่อคือชอบอยู่เป็นหมู่คณะ
(เพราะเป็นคณะนักบวชที่มีจิตตารมณ์อยู่เป็นหมู่คณะ)
พ่อพยายามดำเนินชีวิตแบบเรียบง่าย ไม่หรูหรา ไม่ฟุ่มเฟือย
เพื่อที่เราจะได้เหมือนกับผู้ยากไร้และยึดความยากจนแบบพระเยซู ... เด็ก ๆ ที่รัก
พ่ออยากเชิญชวนหนู ๆ ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ลองดูรอบตัวเราซิ มีแต่ความหรูหรา
เราถูกป้อนสิ่งฟุ่มเฟือยเข้าตัวทุกวัน
ลองเปรียบตัวเรากับเด็กที่อดอยากหิวโหยดูซิ มันต่างกันมากนะ
พวกหนูมีโอกาสดีและได้เกิดมาในครอบครัวที่เพียบพร้อม ก็จงอย่าทำตัวฟุ่มเฟือย
แต่จงทำตัวให้เหมือนพระเยซูนะ”
ภาพ : อินเตอร์เน็ต |
เด็กถาม:
“พระสันตะปาปาครับ พระองค์มีคำแนะนำให้ผมไหมครับ ถ้าผมตั้งใจทำสิ่งใดแล้ว
มันล้มเหลวและไม่เป็นไปตามที่ฝันอะครับ”
พระสันตะปาปาตอบ: “มีซิ
พ่ออยากบอกว่า จงอย่ากลัวความล้มเหลว
ความงดงามของการก้าวเดินอยู่ที่จงอย่าหลีกเลี่ยงความล้มเหลว แต่จงหลีกเลี่ยง
‘การจมปลัก’ อยู่กับความล้มเหลว ถ้าล้มแล้วต้องรีบลุก จงลุกและก้าวเดินอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม มันคงแย่ถ้าเราก้าวเดินคนเดียว มันคงน่าเบื่อไม่น้อย ดังนั้น จงก้าวเดินไปพร้อมกับเพื่อน
ๆ ที่รักเราและคอยช่วยเหลือเรา จงเดินไปกับพวกเขาจนถึงเป้าหมาย”
เด็กถาม: “พระสันตะปาปายังติดต่อกับเพื่อน
ๆ ที่บ้าน(อาร์เจนติน่า)ไหมคะ พระองค์คิดถึงเพื่อนบ้างไหม”
พระสันตะปาปาตอบ:
“หนูจ๋า พ่อเพิ่งจะเป็นพระสันตะปาปาได้แค่ 2 เดือนครึ่งเองนะ แน่นอนว่า
พ่อย่อมคิดถึงเพื่อน ๆ เพราะความทรงจำเกือบทั้งชีวิตของพ่ออยู่ที่อาร์เจนติน่า
พ่อคิดถึงเพื่อนพี่น้องทุกคน บ่อยครั้ง เพื่อน ๆ ก็เขียนจดหมายมาคุยกับพ่อ
สิ่งหนึ่งที่พ่ออยากบอกหนูก็คือ คนเราอยู่คนเดียวไม่ได้นะ เราต้องมีเพื่อน
นี่เป็นสิ่งสำคัญที่พ่ออยากสอนพวกหนูนะ” (ข้อมูล : Pope Report)
วันนี้เราได้คุยกับเพื่อนกี่คน
คุยกันด้วยเรื่องอันใด คุยด้วยเรื่องความดีงามมากน้อยเพียงใด
แล้วกลับถึงบ้านอย่างสุขใจหรือไม่ ถ้าไม่!!! ลองดูวันพรุ่งนี้อีกครั้ง
แล้วพยายามนำความสุขกลับบ้านให้ได้ในทุกครั้ง