หนทางใจ
วันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา
กลุ่มนักขับร้องวัดเซนต์หลุยส์ของเราบางส่วน มีโอกาสได้ใช้ชีวิตร่วมกัน
เพื่อฟื้นฟูและพักผ่อนที่บ้านสวนจันทน์รีสอร์ท จังหวัดจันทบุรี ซึ่งอยู่ห่างจากอาสนวิหารแม่พระปฏิสนธินิรมลไม่มากนัก
พวกเราจึงได้ถือโอกาสเข้าไปเยี่ยมชมความสวยงาม สวดภาวนาด้วยกัน และมีน้อง ๆ
เยาวชนของวัด อาสามาให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติวัดและชุมชนชาวจันทน์ และด้วยพื้นที่ของจังหวัดจันทบุรีติดทะเล
ล้อมรอบด้วยภูเขาจึงมีแหล่งน้ำ แม่น้ำจันทบูร และลำธารมากมาย บ้านพักที่กลุ่มนักขับร้องไปพักก็อยู่ติดกับลำธาร
มีเวลาลงเล่นน้ำ สัมผัสกับความเย็น อยู่ในอ้อมกอดของธรรมชาติ มีเวลาพูดคุยกัน ถามไถ่ความเป็นอยู่ซึ่งกันและกัน
ใช่หรือไม่ บางทีการมีชีวิตอยู่ในเมืองแม้เราจะไม่ไกลกันมากนัก
แต่ความห่างของการสนทนาตาจ้องตา หน้าต่อหน้านั้นมีน้อยเต็มที เพระเราเสียเวลาไปกับสิ่งเร้าอื่น
ๆ เวลาแบบนี้จึงเหมาะสำหรับการฟื้นฟูหัวใจของเรา หัวใจที่พร้อมจะรับฟัง
หัวใจที่พร้อมจะเข้าใจ และพร้อมที่จะปรับจิตปรับใจให้รับรู้ถึงทัศนคติของผู้คนรอบข้าง
ที่ล้วนเป็นศิษย์พระคริสต์ นอกจากนี้สิ่งที่เพิ่มเติมอีกประการหนึ่ง คือ
การได้เห็นบางสิ่งที่แตกต่างไปจากวิถีเดิมของพวกเรา โดยคุณพ่อ ธีระพงษ์ ก้านพิกุล
(คุณพ่อไข่ดาว)
ตลอดสามวันสองคืนที่ใช้ลมหายใจร่วมกัน
ช่วยกันทำนั่นทำนี่ให้กัน ปิ้งย่าง เสียบหมูเสียบผักผสมผสานเป็นอาหารมื้อเลิศ
ความอร่อยอยู่ที่น้ำใจที่แต่ละคนใส่ลงไปเป็นมื้ออาหารที่ไม่ใช่แค่อิ่มเอมแต่เปรมปรีดิ์มากกว่า
นั่งมองสายน้ำในลำธาร ที่มีคลื่นลมให้ผิวน้ำเป็นลอนล่องคลื่น ความงามที่เกิดจากสองสิ่งมากระทบกัน
แต่ผสานกันอย่างลงตัว ยิ่งคิดถึงสภาวะของผู้คนในปัจจุบัน ที่ล้วนมีความต่าง
และเมื่อมีใครผู้หนึ่งผู้ใดก้าวก่ายข้ามเขตแดนความต่างเข้ามา ต้องแตกหัก
เกิดแรงกระแทกแรงปะทะ จึงมีแต่ความขัดแย้ง เพราะเราประเมินค่าผู้คนด้วยสายตา หาได้ใช้หัวใจ
เราอยู่ในสังคมที่ใช้ประสาทสัมผัสตัดสินผู้คน โดยไร้หัวใจ
ขณะที่เรารู้สึกกับคนหนึ่งที่ไม่ถูกชะตาหรือไม่ถูกจริตกับเรา เมื่อได้มีเวลานั่งฟังด้วยหัวใจกลับรู้สึกว่าการตัดสินของเราที่ผ่านมามันใช้เพียงอารมณ์
เป็นคลื่นที่ซัดสาดให้เกิดแรงกระแทกมากกว่า เมื่อได้สัมผัสประสบการณ์คนอื่นด้วยหัวใจ
เรากลับพบคลื่นบนผิวน้ำนั้นช่างพลิ้วไหวและนิ่มนวลสวยงาม ก่อให้เกิดความเข้าใจในสิ่งที่ผู้อื่นเป็นอยู่
บางทีเราต้องใช้หัวใจจึงเกิดศรัทธาในชีวิตของคนอื่นมากขึ้น
ก่อนกลับพวกเราได้ทำกิจกรรมสุดท้ายด้วยกัน
เริ่มต้นด้วยการจับคู่คนที่เราอยากจะพูดคุยมากที่สุด
แล้วให้แต่ละคนวาดสัญลักษณ์ที่สื่อถึงคนที่อยู่ตรงหน้าเรา เมื่อเสร็จแล้วมีการแบ่งปันกันว่าทำไมจึงเลือกวาดออกมาเป็นอย่างนั้น
บางทีในตัวเราแต่ละคนมีมุมงดงามที่คนอื่นมองเห็น แต่เราอาจจะไม่รู้
ในขณะเดียวกันเราก็ต้องมองผู้อื่นในมุมที่งดงามให้เป็น ต้องมองให้เห็นพระที่สถิตในเราแต่ละคนให้ได้
ชีวิตกลุ่มจึงจะเกิดขึ้น
จากนั้นพวกเราก็ถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม
นั่งแถวตอนลึกเป็นกิจกรรมบอกต่อ ให้คนแรกบอกสีของลูกปัดให้คนที่สอง
แล้วบอกต่อกันไปเรื่อย ๆ จนถึงสองคนสุดท้ายให้ช่วยกันร้อย ให้เหมือนต้นแบบที่อยู่ด้านหน้า
ครั้งแรกทั้งสองกลุ่มทำไม่ประสบผลสำเร็จ แต่พอมีเวลาพูดคุย ตกลงกันว่าควรทำอย่างไร
เพียงรอบที่สองก็สามารถที่จะร้อยเรียงลูกปัดให้ออกมาเหมือนต้นแบบได้อย่างถูกต้อง การรู้จักฟังอย่างตั้งใจและจริงจังนำมาซึ่งความถูกต้องเสมอ
ชีวิตจริงในปัจจุบัน เราอยู่ในสังคมที่ไม่ค่อยจะฟังกัน ต่างฝ่ายต่างตั้งแง่
ตั้งมาตรฐานตามใจตัวเอง จะบอกจะกล่าวอะไรไม่ฟังกัน ปัญหาเล็ก ๆ
ก็เลยกลายเป็นปัญหาใหญ่ นำความแตกแยกมาสู่ความสัมพันธ์เก่าก่อนให้ล่มสลายไป
และแน่นอนทีเดียว การฟังที่ดีก็ต้องฟังด้วยหัวใจ
กิจกรรมสุดท้ายที่เราทุกคนต้องร่วมกันทำเป็นกลุ่มใหญ่คือการลำเลียงน้ำจากถังผ่านท่อที่มีขนาดแตกต่างกัน
จากท่อหนึ่งสู่ท่อหนึ่งส่งไปให้น้ำเต็มขวดภายในเวลาที่กำหนด เช่นเคย
รอบแรกทั้งกลุ่มทำไม่ได้ แต่พอตั้งหลัก
มีการบอกกล่าวจัดการพูดคุยรับฟังกันและตั้งใจทำตามที่ตกลงกัน ไม่นานน้ำก็เต็มขวดและทันเวลากำหนด
สิ่งสำคัญของชีวิตกลุ่ม ชีวิตหมู่คณะคือการยอมรับความคิดของคนส่วนใหญ่
ไม่ถือตัวเองเป็นที่ตั้ง ให้ความร่วมมือตามความสามารถของเรา ไม่เกี่ยงงอน
ความแตกต่างของเราแต่ละคนเมื่อนำมารวมกัน นำมาผสมผสานกันได้เมื่อไรความลงตัว
ความสวยงามก็จะบังเกิดตามมา เฉกเช่นการขับร้องประสานเสียง หากมีการฟังกัน มองตากัน
เข้าใจกัน บทเพลงที่ออกมานั้นย่อมไพเราะ และเหมาะสมที่จะสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าร่วมกับพี่น้องทุกคน
นี่คือเป้าหมายสูงสุดของคณะนักขับร้องวัดเซนต์หลุยส์ของเรา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น