วันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ก้าวทีละก้าวกับเท้าเปล่า ๆ

ก้าวทีละก้าวกับเท้าเปล่า ๆ
การวิ่งในโครงการ ก้าวคนละก้าว เพื่อหาทุนบรรเทาทุกข์ที่เกิดจากการขาดแคลนทุนในโรงพยาบาล 11 แห่งทั่วประเทศไทย ของคุณตูน บอดี้สแลม ระยะทาง 2,191 กิโลเมตร จากใต้สุดที่ อ. เบตง จ. ยะลา ขึ้นมาจนถึงเหนือสุดที่ อ. แม่สาย จ. เชียงราย ที่ต้องใช้เวลาถึง 55 วัน กำลังได้รับความสนใจและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ตามประสาคนของโลกยุคใหม่ ยุคแห่งความรวดเร็วที่ขอให้ได้แสดงความคิดเห็น เพื่อแสดงความต่างบ้าง เพื่อแสดงความเก่งโชว์กร่างโชว์กากก็ว่ากันไป แต่สิ่งหนึ่งที่มองเห็นและชื่นชมผู้ชายคนนี้คือเลือกที่จะนิ่งและวิ่งตามอุดมการณ์ของตัวเอง ไม่ออกมาตอบโต้ตีโพยตีพาย ไม่ได้วิ่งไล่ตามกระแส แต่ทำตามภารกิจที่ตั้งมั่นเอาไว้ คนเรามีสองขาเหมือนกัน ต่างกันตรงที่ขาของเรามีไว้ก้าวไปข้างหน้ามิใช่เอาไว้ขัดขาคนอื่น ความมุ่งมั่นที่จะทำเพื่อคนอื่นในสังคมยุคนี้นั้นหาได้น้อยเต็มที บางครั้งชีวิตเราเดินทางสู่ความสำเร็จได้โดยอาศัยเพียงขาสองขา เท้าสองข้างที่เรามี



และด้วยความกระทันหันญาติที่มาจากต่างประเทศออกปากชวนให้เดินทางไปเป็นเพื่อน ที่เกาะมัลดีฟส์ เป็นการเดินทางที่รู้รายละเอียดไม่มากนัก รู้แต่ว่ามีที่พักและจะมีคนมารับ เป็นการเดินทางที่ต้องเตรียมตัวเตรียมใจรับทุกสถานการณ์ ในวันเดินทางเมื่อมาถึงสนามบินจึงรู้ว่าตารางการบินของเราจะล่าช้าประมาณหนึ่งชั่วโมง และมีความกังวลนิด ๆ เพราะต้องต่อเครื่องเพื่อไปยังที่พัก เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงจะทันหรือเปล่า!!!ในใจก็คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างน่าจะผ่านไปได้ด้วยดี ทุกอย่างฝากความไว้วางใจในพระเจ้า แล้วก็เป็นเช่นนั้น มีคนมารอรับที่ท่าอากาศยานนานาชาติเวลานาหรือมักเรียกว่า ท่าอากาศยานนานาชาติมาเล เป็นท่าอากาศยานหลักของประเทศมัลดีฟส์ ตั้งอยู่บนเกาะฮุลฮูเลล ทางตอนเหนือของเกาะมาเล ใกล้กับเมืองหลวงกรุงมาเล จากนั้นก็พาไปต่อเครื่องเพื่อไปยังสนามบินเกาะดาราวานดู หรือท่าอากาศยานเกาะดาราวานดู ใช้เวลาบินอีกประมาณ 25 นาที เช่นเคยเมื่อมาถึงเราก็ยังงง ๆ ว่าจะทำอย่างไรต่อ!!!แต่เพียงเดินพ้นประตูก็มีชายหนุ่มเดินมาทักและแนะนำตัว แล้วก็พาเราเดินออกมา ในใจก็คิดว่าดีจริงเชียวที่พักอยู่ใกล้สนามบิน ที่ไหนได้เขาพาเรามาลงเรือเพื่อต่อไปยังอีกเกาะหนึ่ง ใช้เวลาอีก 10 นาที แม้แต่ชื่อเกาะเรายังไม่รู้เลย ยังพูดกันเล่น ๆ ว่าสงสัยจะถูกปล่อยเกาะ



มัลดีฟส์ (Maldivesหรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐมัลดีฟส์ ( Republic of Maldives ) เป็นประเทศที่มีพื้นที่ประกอบด้วยหมู่เกาะปะการังจำนวนมากในมหาสมุทรอินเดีย และตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอินเดียและประเทศศรีลังกา มีพื้นที่ความยาวจากเหนือจรดใต้ 821 กิโลเมตร จากตะวันออกจรดตะวันตก 120 กิโลเมตร แต่เป็นพื้นที่ดินรวมเพียง 300 ตารางกิโลเมตรมีจุดสูงสุดเพียง 2.3 เมตร ประกอบด้วยหมู่เกาะปะการัง 26 กลุ่ม (atoll) รวม 1,190 เกาะ มีประชากรอาศัยอยู่เพียงประมาณ 200 เกาะ และได้รับการพัฒนาเป็นโรงแรมสำหรับนักท่องเที่ยว 74 เกาะ

เมื่อมาถึงที่บนเกาะ MAALHOS ก็มีผู้จัดการผิวเข้มมายืนคอยแล้วก็พาเดินต่อไปยังที่พักอีกสัก 5 นาที ต้อนรับด้วยมะพร้าวสด ๆ สีส้ม น้ำออกจะเปรี้ยวนิด ๆ ไม่หวานเหมือนบ้านเรา และจากตรงนี้เป็นการเริ่มต้นของการเดินเท้าเปล่าตลอดเวลาที่อยู่บนเกาะนี้ เพราะเมื่อออกจากที่พักทุกอย่างก็เป็นพื้นทราย และเพราะหลงลืมที่จะหยิบรองเท้าแตะมาจากบ้าน ก็เลยคิดว่าจะลองใช้เท้าเปล่านี่แหละอยู่บนเกาะแห่งนี้สัก 2-3 วัน เอาเข้าจริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เพราะผู้คนที่นี่เดินเท้าเปล่าก็หลายคน การเดินเล่นบนหาดทรายสวยขาวสะอาดด้วยเท้าเปล่าเป็นการหวนคืนสู่ธรรมชาติ มนุษย์เราพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเพื่อร่างกายของเรา แต่หลายครั้งก็กลับทำให้ร่างกายเราอ่อนแอลง เราพัฒนาเครื่องยนต์กลไกมาแทนที่การเดิน การวิ่ง และเราก็สูญเสียชีวิตผู้คนด้วยอุบัติเหตุไปก็มิใช่น้อย บนพื้นทรายขาว เห็นรอยเท้าเราที่เหยียบย่ำลงไป ไม่นานคลื่นก็สาดซัดพัดหายไป ความสดสะอาดของน้ำทะเลที่มัลดีฟส์ยังคงงดงามเสมอ ยิ่งกับชีวิตผู้คนบนเกาะแห่งนี้ที่เรียบ ๆ ง่าย ๆ ไม่ต้องเร่งรีบ วุ่นวาย การค้าการขายแทบไม่มีให้เห็น อยากกินปลาก็ออกเรือหาปลาด้วยการตกปลาทีละตัว ไม่มีตลาดขายส่งอาหารทะเล นี่จึงเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่ได้แอบอิงพิงธรรมชาติอย่างแท้จริง



ระหว่างที่เดินเท้าเปล่าทีละก้าว ค่อย ๆ เดิน จึงมีเวลาสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า มีเวลานั่งมองดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า และอิ่มเอมกับค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวง (ตรงกับลอยกระทง) และเนื่องจากเป็นประเทศที่นับถืออิสลามจึงไม่มีการดื่มแอลกอฮอล์และการจัดเลี้ยงบันเทิงใด ๆ ทั้งสิ้น มีเวลาที่จะนั่งรำพึงบนเปลแบบชาวบ้านใต้ต้นไม้ริมหาด มองย้อนกลับมาในชีวิตเมืองที่เราใช้สิ่งอำนวยความสะดวกจนเกินไป เรามีขาสำหรับเดิน แต่วันนี้เราแทบไม่ได้ใช้มันมากนัก มีเท้าเหยียบย่ำไปบนพื้นดิน แต่วันนี้เรากลับเอาไว้ใช้เหยียบคันเร่งรถ เรามีพื้นดินพื้นทรายพื้นหญ้า วันนี้เราไม่อาจจะเห็นสิ่งเหล่านี้ เพราะถูกปูทับด้วยถนนปูน ใช่หรือไม่ บางทีการที่เราใช้ขาก้าวเดินใช้เท้าเปล่าสัมผัสพื้น มักจะทำให้เรารู้ตัว และพร้อมที่จะอยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ได้อย่างมีความสุข พร้อมที่จะออกไปเพื่อรับรู้ความรักของพระเจ้าผ่านทางธรรมชาติที่สวยงามและบริสุทธิ์ที่มีอยู่ทั่วไป

ไม่มีความคิดเห็น: