บางคนมองข้าม แต่...บางคนโหยหา
ช่วงนี้มักได้ยินเสียงบ่นลอยมาว่า “สัปดาห์หน้า...โรงเรียนเริ่มเปิดแล้ว
รถราก็จะเริ่มติดหนักหน่วงเหมือนเดิม” หลังจากที่เดินทางไปไหนมาไหนได้คล่องตัวมาเกือบเดือน
หลายคนบอกว่าต้องปรับตัวอีกแล้ว คือ ต้องตื่นเช้า ออกจากบ้านเร็วขึ้นอีกเป็นชั่วโมงๆ
เด็กๆก็ว่า “ยังไม่อยากไปเรียนเลย ยังอยากหยุด
อยากอยู่บ้านสบายๆไม่ต้องตื่นแต่เช้าไปโรงเรียน”
เมื่อได้ยินเสียงของเด็กๆในวัยเรียนพูดเช่นนั้นแล้วก็อดที่จะย้อนคิดไปในสมัยวัยเรียนแบบนี้ไม่ได้
ตอนนั้นก็รู้สึกขี้เกียจไปเรียนอย่างมากอย่างนี้แหละ เพราะอะไรเล่า? เด็กในวัยเรียนจำนวนไม่น้อยไม่อยากตื่นเช้าไปโรงเรียน
เป็นเพราะไม่ชอบตื่นเช้าๆแล้วไปนอนต่อในรถหรือเปล่า
หรือไปเรียนแล้วไม่พบกับความสุข หรือไม่ชอบที่ต้องอยู่ในกรอบ ในกฎ
ถูกระเบียบและการควบคุมบังคับ หรือเป็นเพราะเด็กๆไม่ชอบการที่ต้องแข่งขันกันเรียน
แข่งขันกันทำคะแนน ทำลำดับ ก็คงมีเหตุผลข้ออ้างอีกมากมาย ที่ทำให้เด็กๆตกอยู่ในห้วงอารมณ์แบบนั้น
ภาพ : อินเตอร์เน็ต |
จนกระทั่งเมื่อเติบโตได้การได้งานทำ บ่อยครั้งไป...
ที่แอบเสียดายโอกาสที่ว่าทำไมตอนนั้นไม่รู้จักขยันเรียน ขยันอ่านหนังสือ
ทำไมไม่ชอบวิชานั้นวิชานี้ เพราะทุกๆวิชาที่เรียน สามารถที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับงานที่ทำได้ทั้งสิ้น
หลักสูตรหนังสือที่เรียนที่อ่าน ไม่ใช่การตอบโจทย์ปัญหาที่พบเจอได้อย่างตายตัว
แต่บางส่วนนั้นเป็นการนำหลักการมาใช้ในการแก้สมการชีวิต บทเรียนรายวิชาเป็นต้นตอสำหรับการริเริ่มใหม่ต่อยอดให้เกิดสิ่งใหม่ๆ
ทุกภาคส่วนของวิชาที่เรียนคือประโยชน์ทั้งสิ้น
แต่...โลกนี้มักมีอะไรที่แปลกๆ ในบางสิ่งที่เรามี
เราอยู่ เราเห็น เรากลับเพิกเฉยในคุณค่า แต่เมื่อวันหนึ่งเราไม่มี
เราไม่ได้อยู่ เราไม่ได้เห็น เรากลับโหยหา และไขว่คว้าให้ได้มา ฉะนั้นแล้ว...อะไรที่เรามีเราเห็นเราอยู่จงรักษามันไว้
เราลองมาดูตัวอย่างของเด็กผู้หญิงคนนี้ เธอไม่มีโอกาสเหมือนเด็กๆในวัยเรียนทั่วไป
เธอจึงพยายามแสวงหาโอกาส แล้วเธอก็ใช้มันเพื่อบอกให้โลกรู้ว่าความ “อยุติธรรม” และ “ความไม่เท่าเทียม”นั้นมีมากเหลือเกินในโลกนี้
ด้วยปากกาและบทความที่เธอเขียน
หลังจากช่วงสงครามในประเทศปากีสถาน มาลาลา
ยูซาฟไซ ได้เป็นประธานของสภาเด็กเรียกร้องให้มีอิสรภาพทางการศึกษาในประเทศ
เธอทำการเรียกร้องท่ามกลางการข่มขู่เอาชีวิตจากกลุ่มตอลิบาน จนกระทั่งเดือนตุลาคม 2555 มาลาลาถูกยิงขณะเธอกำลังกลับบ้าน
เธอถูกยิงที่ศีรษะ และต้นลำคอ ทำให้เธออยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส แต่เธอรอดตายจากการพยายามถูกสังหารในครั้งนั้น
ความโหดร้ายของมนุษย์เราน่ากลัวยิ่งนัก
แม้แต่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆยังยิงหมายชีวิตกันได้
ภาพ : อินเตอร์เน็ต |
หลังถูกส่งตัวไปรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในอังกฤษ
มาลาลา ก็มีอาการดีขึ้นตามลำดับ
และยังมีโอกาสเดินทางไปหลายประเทศในฐานะทูตด้านสิทธิเยาวชน ในวันฉลองอายุครบรอบวันเกิด
16 ปีของเธอ
เธอมีโอกาสกล่าวสุนทรพจน์ในสมัชชาเยาวชนโลกที่ยูเอ็น
เรียกร้องให้ผู้นำของชาติต่างๆ หันมาปกป้องสิทธิการเท่าเทียมและด้านการศึกษาให้กับเด็กผู้หญิงในปากีสถาน
“เราเรียกร้องให้ทุกรัฐบาลในโลกนี้ต่อสู้กับผู้ก่อการร้าย
เพื่อที่จะปกป้องเด็กและเยาวชนจากอันตราย
เราเรียกร้องให้ยูเอ็นขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กทุกคนในโลกนี้” และ “ความปรารถนาของข้าพเจ้ายังไม่เปลี่ยนแปลง
ทั้งความหวังและความฝันที่ข้าพเจ้ามียังคงเดิม” เธอกล่าวต่อไปว่า
“ข้าพเจ้าไม่เป็นปรปักษ์กับผู้ใด หรือการที่ยืนอยู่ ณ
ที่นี้ไม่ได้ต้องการกล่าวเป็นปรปักษ์กับกลุ่มตอลิบานหรือกลุ่มก่อการร้ายอื่นแต่อย่างใด
ข้าพเจ้ามายืนในที่นี้เพียงเพื่อต้องการพูดแทนเด็กทุกคนในโลกในการขอโอกาสทางการศึกษาให้กับทั้งเขาและเธอเหล่านั้น”
มาลาลากล่าวย้ำท้ายสุดว่า “ให้เราได้มีโอกาสหยิบสมุดและปากกาของพวกเราขึ้นมา
เพราะพวกมันเป็นอาวุธสำคัญที่พวกเรามี เด็กหนึ่งคน ครูหนึ่งคน และหนังสือหนึ่งเล่ม
สามารถเปลี่ยนโลกใบนี้ได้ การศึกษาเป็นคำตอบ การศึกษาต้องมาก่อน”
ภาพ : อินเตอร์เน็ต |
ซึ่งในที่ประชุมในระหว่างที่มาลาลากล่าวสุนทรพจน์
ผู้เข้าร่วมประชุมที่เป็นผู้หญิงต่างต้องปาดน้ำตาเพราะประทับใจในสุนทรพจน์ของเธอ สภายุโรปได้มอบรางวัลด้านสิทธิมนุษยชน
“ชาคารอฟ” แก่ มาลาลา
โดยเธอยังเป็นตัวเต็งสำหรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปีนี้ด้วย แต่เธอไม่ได้รับรางวัลนี้
อย่างไรก็ดี มาลาลา ชี้ว่ารางวัลที่แท้จริงสำหรับเธอคือการได้เห็นเยาวชนทุกคน
ไม่ว่าผิวขาวหรือผิวสี คริสต์หรือมุสลิม ได้มีโอกาสไปโรงเรียนอย่างเท่าเทียมกัน “และหนูจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อสิ่งนั้น”
เรื่องราวของเธอน่าสนใจ น่าติดตามต่อไป
แต่สิ่งที่นำมาให้อ่านวันนี้ ก็เพียงเพื่ออยากบอกว่า
ในวันเวลาที่เรามีโอกาสเรียนก็จงเรียนอย่างมีความสุข
ในวันที่เรามีโอกาสได้ทำงานก็จงอยู่กับงานอย่างมีความสุข
หยุดที่จะไขว่คว้าหาสิ่งที่ไกลเกินฝัน ทำสิ่งที่มีอยู่อย่างดี ให้มีคุณภาพในทุกวัน
อย่ามองข้ามสิ่งที่มีอยู่ เพราะโลกนี้ยังมีอีกหลายล้านคนไม่มีโอกาสอย่างเรา
พรุ่งนี้เช้าตื่นไปโรงเรียน ไปทำงานอย่างคนที่เห็นคุณค่าของวันเวลา
เพียงเท่านี้ความสุขก็บังเกิดขึ้น เมื่อเราเปี่ยมสุขในการกระทำ
ความสุขก็จะแผ่กว้างออกไป พ่อแม่เห็นลูกกระตือรือร้นที่จะเรียน ก็หายเหนื่อยและภาคภูมิใจในตัวลูกๆ
สำหรับผู้ที่อยู่วัยทำงานมองเห็นความสุขในการทำงาน เพื่อนร่วมงานก็ได้รับความสุข
ความเบิกบานไปด้วย ใช้ชีวิตอย่างรู้ค่ากับสิ่งที่มี สิ่งที่เป็น
เพียงเท่านี้เราก็เห็นความรักของพระเจ้าบังเกิดขึ้นแล้ว...