วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ฐานนี้ยังมั่นคงอยู่หรือ???


ฐานนี้ยังมั่นคงอยู่หรือ???
ภาพจากอินเตอร์เน็ต
เราคิดถึงอะไรในวันตรุษจีน แน่นอนแหละหลายคนคงตอบว่า คิดถึง แต๊ะเอีย อั่งเปา สิ่งนี้นั้นมีรากฐานมาจาก ความกตัญญู ที่เรามีต่อผู้ใหญ่ผู้ที่มีพระคุณ เมื่อถึงวันตรุษเราก็ไปไหว้ ไปอวยชัยให้พรท่าน แล้วผู้ใหญ่ท่านก็มีเมตตา ด้วยการให้สิ่งตอบแทนกลับมา ขณะเดียวกันคนเชื้อสายจีนก็ยังสอนให้ลูกๆหลานรำลึกถึงบรรพบุรุษผู้เป็นต้นตระกูลมีการเซ่นไหว้ดวงวิญญาณ 
ความกตัญญูนี้เป็นเหมือนรากฐานของความดี คนที่กตัญญูนั้นส่วนใหญ่แล้วเป็นคนดี ใครที่มีคุณธรรมข้อนี้ย่อมนำพาให้ชีวิตเดินไปสู่หนทางแห่งความสำเร็จ คนรุ่นก่อนจึงให้ความสำคัญกับคุณธรรมข้อนี้อย่างยิ่งยวด แต่เราผู้สืบสานบรรพชนคนรุ่นก่อน เรามักเห็นเพียงเปลือก เห็นเพียงผลลัพธ์ปลายแถวเท่านั้น ในวันเวลาที่เราเป็นทาสของระบบเงินทุนหมุนเวียน ความกตัญญูถูกพูดถึงน้อยลง ประเพณีการไหว้กลายเป็นช่วงแห่งการจับจ้องเงินที่จะได้รับ และไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปอย่างไร ใจคนจงอย่าหยุดที่จะกตัญญูต่อบุคคล ต่อสรรพสิ่งในโลก ต้องกล้าที่จะใช้ความกตัญญูมากลบลบความกลัวที่มีอยู่ในใจเรา เช่นนิทานสอนใจเรื่องนี้
ภาพจากอินเตอร์เน็ต
อภัยอาศัยอยู่กับปู่ชราในกระต๊อบท้ายหมู่บ้าน เขาเป็นเด็กชายที่มีความกตัญญูกตเวที วันหนึ่งในฤดูหนาว ปู่ของอภัยป่วยหนักด้วยโรคทางเดินหายใจและปวดข้อกระดูก อภัยจึงไม่ได้นอนเลยทั้งคืนเพราะต้องคอยปรนนิบัติบีบนวดปู่ตลอดเวลา แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยหน่ายแต่อย่างใด อภัยเต็มใจที่จะทำ เขาสงสารปู่มากเวลาที่เห็นปู่ต้องทรมานด้วยโรคปวดข้อ
         “ถ้าเรามีเงินก็ดีสิ เราจะได้เอาเงินไปซื้อเสื้อหนาวหนาๆ ดีๆ มาให้ปู่ใส่ แล้วก็จะได้พาปู่ไปหาหมอกระดูกมือหนึ่งที่หมู่บ้านใกล้เคียงด้วย อภัยได้แต่นั่งคิดอย่างเคร่งเครียด เขาไม่รู้ว่าจะหาเงินจำนวนนั้นมาจากไหน        ทันใดนั้น มีชายชราหนวดยาวเฟื้อย แต่ท่าทางใจดี แต่งกายด้วยชุดขาวทั้งชุด กำลังจ้องมองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ อภัยจึงถามชายชราว่า  “ตามีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ ชายชราชุดขาวตอบอย่างอารมณ์ดี ได้ยินมาว่าเจ้าอยากได้เงินมากๆ เพื่อเอาไปซื้อเสื้อหนาวเนื้อหนา และพาปู่ของเจ้าไปหาหมอมือหนึ่งอย่างนั้นเรอะ
ข้ามีงานให้เจ้าทำ ถ้าทำสำเร็จ เจ้าจะได้ทรัพย์สมบัติก้อนใหญ่เอาไปรักษาปู่ของเจ้า” “งานอะไรครับตาอภัยรีบถาม เขาดีใจมากจนทิ้งความหวาดระแวงในตัวชายชราชุดขาวไปชั่วขณะ งานง่ายๆ แต่ไม่รู้จะยากเกินไปสำหรับเจ้าไหมนะชายชราชุดขาวพูดหยั่งเชิงไม่ครับตา งานอะไรก็ได้ ผมทำได้ทั้งหมดเลยอภัยรีบตอบ
 “งานของเจ้าก็คือ นำเมล็ดพืชที่ข้าให้ไปปลูก...” “แค่นั้นเอง!อภัยร้อง ผมปลูกพืชได้งดงามมากเชียวครับ”   “ข้ารู้อยู่ว่าเจ้ามีดีด้านการเพาะเมล็ดพืช แต่เมล็ดพืชของข้านั้นไม่เหมือนกับเมล็ดพืชอื่นๆ หรอกนะ มันจะออกดอกแค่ครั้งเดียวแล้วจะไม่มีดอกอีกต่อไป เมล็ดพืชของข้าจะขึ้นได้ดีหากได้หว่านลงในดินตรงป่าช้าท้ายวัดในยามค่ำคืนที่มืดสนิท และจะเติบโตอย่างรวดเร็ว หากได้รับการรดน้ำพรวนดินในเวลามืดเช่นเดียวกัน แต่ถ้าเจ้าไปดูแลมันในเวลากลางวัน มันจะเหี่ยวแห้งตายในทันที”  “ได้ครับตา ผมทำได้อภัยรีบตอบเพราะอยากได้เงินไปรักษาปู่มากจนลืมไปว่าตนเองเป็นคนกลัวความมืด
       เมื่ออาทิตย์ตกดิน อภัยจึงออกเดินไปยังป่าช้าท้ายวัดทันที แต่เมื่อเดินมาได้สักพักและเห็นว่าทางข้างหน้ามืดทึบมากขึ้น อภัยก็เริ่มหวาดกลัวอย่างหนักจนเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้า อภัยนึกอยากหันหลังวิ่งกลับบ้านอยู่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็จะมีเสียงร้องอันเจ็บปวดทรมานของปู่เข้ามาทำให้จิตใจกล้าหาญขึ้น อภัยก็รีบขุดดินเพาะเมล็ดสีดำของชายชราอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงวิ่งเร็วปร๋อกลับบ้านโดยไม่ยอมหันไปมองข้างหลังอีกเลย
คืนวันที่หนึ่งผ่านไป ย่างเข้าวันที่สอง อภัยมาพร้อมกับฝักบัวรดน้ำและส้อมพรวนดิน อาการหวาดกลัวทุกอย่างยังคงปรากฏเช่นเดิม เหตุการณ์เป็นเช่นนี้อยู่จนกระทั่งย่างเข้าคืนที่หก อภัยเริ่มชินกับความมืดและรู้สึกว่าความมืดไม่ได้น่าหวาดหวั่น วันนี้ต้นไม้มีบางอย่างแปลกไปจากที่เคย อภัยมองเห็นประกายวิบๆ วับๆ เล็ดลอดออกมาจากดอกไม้ที่กำลังตูม แสงนั้นสวยงามราวกับแสงอัญมณีล้ำค่า ในวันที่เจ็ด อภัยจึงไม่รู้สึกหวาดกลัวที่จะไปหาต้นไม้ในความมืดอีก เพราะความอยากรู้อยากเห็นในวัยเด็กของเขา ทำให้อภัยหมดความกังวล และรอคอยเวลาพลบค่ำเพื่อไปหาต้นไม้อย่างใจจดใจจ่อ แล้วคืนนั้น อภัยก็ได้เห็นในสิ่งที่เกินกว่าจะเชื่อได้ ต้นไม้ของชายชราชุดขาวออกดอกเป็นเพชรนิลจินดาจำนวนมาก เขาก็รีบเก็บดอกเพชรนิลจินดาทั้งหมดลงในถุงที่เตรียมมาเพื่อนำไปให้ชายชราชุดขาวตามที่เขาได้สั่งไว้
ภาพจากอินเตอร์เน็ต
        อภัยจึงรีบวิ่งเข้าไปหาหน้าตาตื่นพร้อมกับละล่ำละลักบอกถึงสิ่งที่ตนพบเห็นแก่ชายชราชุดขาวว่า  “รู้ไหมตา ต้นไม้ของตาน่ะเป็นต้นไม้วิเศษนะ มันออกดอกเป็นของมีค่าล่ะ...ดูนี่สิ ข้าเก็บมันมาให้ตาแล้ว”  ชายชราชุดขาวรับถุงมาเปิดดูแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับพูดว่า นั่นปะไร ผลดีของความกล้า เมื่อเจ้ากล้า เจ้าก็จะได้พบกับสิ่งที่เจ้าต้องการ...นี่คือผลจากความกล้าหาญของเจ้า ดังนั้นเจ้าจึงเป็นเจ้าของมันโดยสมบูรณ์ จงเอามันไปใช้ให้เกิดประโยชน์เถิด(บางส่วนจากนิทานสอนใจดีๆ ในชุดหนังสือนิทานสีขาวของ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา)
จากความกตัญญูสู่ความกล้าหาญที่จะทำความดี ที่นำไปสู่การช่วยเหลือผู้อื่น ความกตัญญูจึงเป็นฐานรากของความดีงาม แล้ววันนี้ฐานนี้ยังมั่นคงดีหรือเปล่าในตัวเรา อย่าปล่อยให้ตรุษจีนปีนี้ผ่านไปเพียงแค่นับเงินในกระเป๋าว่าได้มาเท่าไหร่ แต่ควรมีใจรำลึกถึงผู้ที่มีบุญคุณต่อเราและเราได้ตอบแทนอะไรกลับไปบ้าง....

ไม่มีความคิดเห็น: