ฐานนี้ยังมั่นคงอยู่หรือ???
ภาพจากอินเตอร์เน็ต |
เราคิดถึงอะไรในวันตรุษจีน
แน่นอนแหละหลายคนคงตอบว่า คิดถึง “แต๊ะเอีย
อั่งเปา” สิ่งนี้นั้นมีรากฐานมาจาก “ความกตัญญู”
ที่เรามีต่อผู้ใหญ่ผู้ที่มีพระคุณ เมื่อถึงวันตรุษเราก็ไปไหว้ ไปอวยชัยให้พรท่าน แล้วผู้ใหญ่ท่านก็มีเมตตา
ด้วยการให้สิ่งตอบแทนกลับมา ขณะเดียวกันคนเชื้อสายจีนก็ยังสอนให้ลูกๆหลานรำลึกถึงบรรพบุรุษผู้เป็นต้นตระกูลมีการเซ่นไหว้ดวงวิญญาณ
ความกตัญญูนี้เป็นเหมือนรากฐานของความดี
คนที่กตัญญูนั้นส่วนใหญ่แล้วเป็นคนดี ใครที่มีคุณธรรมข้อนี้ย่อมนำพาให้ชีวิตเดินไปสู่หนทางแห่งความสำเร็จ
คนรุ่นก่อนจึงให้ความสำคัญกับคุณธรรมข้อนี้อย่างยิ่งยวด
แต่เราผู้สืบสานบรรพชนคนรุ่นก่อน เรามักเห็นเพียงเปลือก
เห็นเพียงผลลัพธ์ปลายแถวเท่านั้น ในวันเวลาที่เราเป็นทาสของระบบเงินทุนหมุนเวียน
ความกตัญญูถูกพูดถึงน้อยลง ประเพณีการไหว้กลายเป็นช่วงแห่งการจับจ้องเงินที่จะได้รับ
และไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปอย่างไร ใจคนจงอย่าหยุดที่จะกตัญญูต่อบุคคล
ต่อสรรพสิ่งในโลก ต้องกล้าที่จะใช้ความกตัญญูมากลบลบความกลัวที่มีอยู่ในใจเรา เช่นนิทานสอนใจเรื่องนี้
ภาพจากอินเตอร์เน็ต |
อภัยอาศัยอยู่กับปู่ชราในกระต๊อบท้ายหมู่บ้าน
เขาเป็นเด็กชายที่มีความกตัญญูกตเวที วันหนึ่งในฤดูหนาว
ปู่ของอภัยป่วยหนักด้วยโรคทางเดินหายใจและปวดข้อกระดูก
อภัยจึงไม่ได้นอนเลยทั้งคืนเพราะต้องคอยปรนนิบัติบีบนวดปู่ตลอดเวลา
แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยหน่ายแต่อย่างใด อภัยเต็มใจที่จะทำ
เขาสงสารปู่มากเวลาที่เห็นปู่ต้องทรมานด้วยโรคปวดข้อ
“ถ้าเรามีเงินก็ดีสิ
เราจะได้เอาเงินไปซื้อเสื้อหนาวหนาๆ ดีๆ มาให้ปู่ใส่
แล้วก็จะได้พาปู่ไปหาหมอกระดูกมือหนึ่งที่หมู่บ้านใกล้เคียงด้วย” อภัยได้แต่นั่งคิดอย่างเคร่งเครียด เขาไม่รู้ว่าจะหาเงินจำนวนนั้นมาจากไหน
ทันใดนั้น มีชายชราหนวดยาวเฟื้อย
แต่ท่าทางใจดี แต่งกายด้วยชุดขาวทั้งชุด กำลังจ้องมองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์
อภัยจึงถามชายชราว่า “ตามีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ” ชายชราชุดขาวตอบอย่างอารมณ์ดี “ได้ยินมาว่าเจ้าอยากได้เงินมากๆ
เพื่อเอาไปซื้อเสื้อหนาวเนื้อหนา และพาปู่ของเจ้าไปหาหมอมือหนึ่งอย่างนั้นเรอะ”
“ข้ามีงานให้เจ้าทำ
ถ้าทำสำเร็จ เจ้าจะได้ทรัพย์สมบัติก้อนใหญ่เอาไปรักษาปู่ของเจ้า” “งานอะไรครับตา” อภัยรีบถาม
เขาดีใจมากจนทิ้งความหวาดระแวงในตัวชายชราชุดขาวไปชั่วขณะ “งานง่ายๆ
แต่ไม่รู้จะยากเกินไปสำหรับเจ้าไหมนะ” ชายชราชุดขาวพูดหยั่งเชิง
“ไม่ครับตา งานอะไรก็ได้ ผมทำได้ทั้งหมดเลย” อภัยรีบตอบ
“งานของเจ้าก็คือ
นำเมล็ดพืชที่ข้าให้ไปปลูก...” “แค่นั้นเอง!” อภัยร้อง “ผมปลูกพืชได้งดงามมากเชียวครับ”
“ข้ารู้อยู่ว่าเจ้ามีดีด้านการเพาะเมล็ดพืช แต่เมล็ดพืชของข้านั้นไม่เหมือนกับเมล็ดพืชอื่นๆ
หรอกนะ มันจะออกดอกแค่ครั้งเดียวแล้วจะไม่มีดอกอีกต่อไป
เมล็ดพืชของข้าจะขึ้นได้ดีหากได้หว่านลงในดินตรงป่าช้าท้ายวัดในยามค่ำคืนที่มืดสนิท
และจะเติบโตอย่างรวดเร็ว หากได้รับการรดน้ำพรวนดินในเวลามืดเช่นเดียวกัน
แต่ถ้าเจ้าไปดูแลมันในเวลากลางวัน มันจะเหี่ยวแห้งตายในทันที” “ได้ครับตา ผมทำได้” อภัยรีบตอบเพราะอยากได้เงินไปรักษาปู่มากจนลืมไปว่าตนเองเป็นคนกลัวความมืด
เมื่ออาทิตย์ตกดิน
อภัยจึงออกเดินไปยังป่าช้าท้ายวัดทันที
แต่เมื่อเดินมาได้สักพักและเห็นว่าทางข้างหน้ามืดทึบมากขึ้น
อภัยก็เริ่มหวาดกลัวอย่างหนักจนเม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้า อภัยนึกอยากหันหลังวิ่งกลับบ้านอยู่หลายครั้ง
แต่ทุกครั้งก็จะมีเสียงร้องอันเจ็บปวดทรมานของปู่เข้ามาทำให้จิตใจกล้าหาญขึ้น
อภัยก็รีบขุดดินเพาะเมล็ดสีดำของชายชราอย่างรวดเร็ว
จากนั้นจึงวิ่งเร็วปร๋อกลับบ้านโดยไม่ยอมหันไปมองข้างหลังอีกเลย
คืนวันที่หนึ่งผ่านไป
ย่างเข้าวันที่สอง อภัยมาพร้อมกับฝักบัวรดน้ำและส้อมพรวนดิน
อาการหวาดกลัวทุกอย่างยังคงปรากฏเช่นเดิม
เหตุการณ์เป็นเช่นนี้อยู่จนกระทั่งย่างเข้าคืนที่หก
อภัยเริ่มชินกับความมืดและรู้สึกว่าความมืดไม่ได้น่าหวาดหวั่น
วันนี้ต้นไม้มีบางอย่างแปลกไปจากที่เคย อภัยมองเห็นประกายวิบๆ วับๆ
เล็ดลอดออกมาจากดอกไม้ที่กำลังตูม แสงนั้นสวยงามราวกับแสงอัญมณีล้ำค่า
ในวันที่เจ็ด อภัยจึงไม่รู้สึกหวาดกลัวที่จะไปหาต้นไม้ในความมืดอีก
เพราะความอยากรู้อยากเห็นในวัยเด็กของเขา ทำให้อภัยหมดความกังวล
และรอคอยเวลาพลบค่ำเพื่อไปหาต้นไม้อย่างใจจดใจจ่อ แล้วคืนนั้น
อภัยก็ได้เห็นในสิ่งที่เกินกว่าจะเชื่อได้ ต้นไม้ของชายชราชุดขาวออกดอกเป็นเพชรนิลจินดาจำนวนมาก
เขาก็รีบเก็บดอกเพชรนิลจินดาทั้งหมดลงในถุงที่เตรียมมาเพื่อนำไปให้ชายชราชุดขาวตามที่เขาได้สั่งไว้
ภาพจากอินเตอร์เน็ต |
อภัยจึงรีบวิ่งเข้าไปหาหน้าตาตื่นพร้อมกับละล่ำละลักบอกถึงสิ่งที่ตนพบเห็นแก่ชายชราชุดขาวว่า
“รู้ไหมตา
ต้นไม้ของตาน่ะเป็นต้นไม้วิเศษนะ มันออกดอกเป็นของมีค่าล่ะ...ดูนี่สิ
ข้าเก็บมันมาให้ตาแล้ว” ชายชราชุดขาวรับถุงมาเปิดดูแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
พร้อมกับพูดว่า “นั่นปะไร ผลดีของความกล้า เมื่อเจ้ากล้า
เจ้าก็จะได้พบกับสิ่งที่เจ้าต้องการ...นี่คือผลจากความกล้าหาญของเจ้า
ดังนั้นเจ้าจึงเป็นเจ้าของมันโดยสมบูรณ์ จงเอามันไปใช้ให้เกิดประโยชน์เถิด”
(บางส่วนจากนิทานสอนใจดีๆ
ในชุดหนังสือนิทานสีขาวของ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา)
จากความกตัญญูสู่ความกล้าหาญที่จะทำความดี
ที่นำไปสู่การช่วยเหลือผู้อื่น ความกตัญญูจึงเป็นฐานรากของความดีงาม
แล้ววันนี้ฐานนี้ยังมั่นคงดีหรือเปล่าในตัวเรา อย่าปล่อยให้ตรุษจีนปีนี้ผ่านไปเพียงแค่นับเงินในกระเป๋าว่าได้มาเท่าไหร่
แต่ควรมีใจรำลึกถึงผู้ที่มีบุญคุณต่อเราและเราได้ตอบแทนอะไรกลับไปบ้าง....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น