เงาในน้ำนั้น
เป็นความชอบส่วนตัวอย่างหนึ่ง
ที่ชอบมองเงาที่สะท้อนบนสายน้ำ
ยิ่งยามเย็นๆอากาศกำลังสดชื่นยืนดูอยู่เป็นนานสองนานก็ไม่เบื่อ
ประจวบเหมาะกับเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีโอกาสได้ไปพัก ณ ที่แห่งหนึ่งในจังหวัดระยอง
ที่แวดล้อมไปด้วยลำธาร แม้ว่าจะเป็นลำธารที่สร้างขึ้นมา แต่เป็นการขุดคลองที่ดูเหมือนเป็นธรรมชาติยิ่ง...เคยเห็นภาพเงาในน้ำไหม
เวลาถ่ายภาพออกมามันทำให้ภาพถ่ายมีชีวิต ด้วยการสั่นไหวของคลื่นน้ำ
ทำให้ภาพมีความผิดเพี้ยนไปตามรอยกระเพื่อม รอยคลื่น เมื่อมองดูเงาสะท้อนวัตถุในสายน้ำแล้วรู้สึกถึงความจริงที่ว่า
คนเรามักจะคิดว่าตัวเองเป็นภาพจริงๆ ที่มั่นคงแข็งแรง
สามารถยืนโต้แรงเสียดทานได้ แต่ก็มีเงาแห่งความอ่อนแอแฝงอยู่เสมอ
บางครั้งบางเวลาเมื่ออยู่ในอาการสั่นไหวแรงๆ ก็ทำให้เห็นตัวตนที่แท้จริงกระเพื่อมไปตามแรงนั้นได้เหมือนกัน
สังเกตไหมว่าในวันนี้หลายคนรู้สึกว่าชีวิตมีความมั่นคงในด้านวัตถุมากขึ้น
แต่กลับไหวเอนทางด้านจิตใจ มักพ่ายแพ้แก่ใจตัวเองง่ายดาย มักโหยหาคนคอยปลอบประโลม
แต่มองไม่เห็นใครเลย เพราะว่าเราต่างก็ถือตัวตนเป็นใหญ่ มั่นใจในตัวเองอย่างล้นเหลือ
จนไม่เหลือพื้นที่ให้ใครได้มาพักร่มเงาในชีวิตเรา
เมื่อเป็นดังนี้ในวันที่อ่อนล้าทางจิตใจจึงมองหาใครไม่พบ ในวันที่ไร้กำลังใจแล้วไม่มีใครเหลียวแล
มันก็เหมือนภาพเงาที่สั่นไหวในสายน้ำนั้น
สิ่งหนึ่งซึ่งกำลังระบาดไปทุกพื้นที่ของสังคม
นั่นคือ การขาดกำลังใจ ขาดความอบอุ่น ทำให้สังคมไทยดูจะขาดๆเกินๆ
โดยเฉพาะเด็กๆเยาวชนคนหนุ่มสาว ที่มีกำลังซื้อสินค้า มีเครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่ โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเวลาใด
ติดต่อกับเพื่อนฝูงได้ตลอดเวลา แต่ทำไปทำมามักเห็นเขาหรือเธอต่างพร่ำเพ้อว่าขาดกำลังใจในการดำรงชีวิต
พวกเขาหรือเธอ ไม่สามารถอยู่กับตัวเองได้เลย เที่ยวเรียกร้องหากำลังใจ ใช่หรือไม่ ในยุคสมัยที่ผู้คนแสนจะอ่อนแอไร้หลักยึด
ไม่มีใครจะดูแลใคร เมื่อต่างคนต่างพร่อง ใครจะเติมเต็มให้ใครก็ไม่ได้ เพราะเราอยู่ในยุคที่เป็น
“ใครสักคนชั่วคราว” ที่พร้อมจะโบกมือลา ในวันอ้างว้างพวกเขาจึงใช้ชีวิตนิ่งไม่เป็น
บางครั้งก็เรียกร้องกำลังใจจากผู้อื่นโดยไม่ใส่ใจต่อชีวิตจิตวิญญาณของตนเอง
แน่นอน กำลังใจจำเป็นและเป็นพลังที่สร้างโลก
สร้างบุคคลมาแล้วนักต่อนัก หลายๆ ครั้งในชีวิตเรา เคยเห็นบางคนประสบเคราะห์กรรมซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หรือเป็นโรคร้าย จนหมอบอกว่าไม่มีทางรอด แต่เขาเหล่านั้น
กลับสามารถยืนหยัดต่อสู้จนประสบความสำเร็จในชีวิต หรือมีอายุขัยที่ยืนยาวต่อมาได้
ทำไมนักกีฬาพิการ จึงสามารถเอาชนะความไม่สมประกอบของตน จนคว้าเหรียญทองมาได้
อะไรคือสิ่งที่ทำให้คนเรา มีความมานะบากบั่น
และมีความตั้งมั่นที่จะฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ จนไปสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จได้
สิ่งนั้น คือ “กำลังใจ” ของแต่ละคน
“กำลังใจ” แม้จะเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่ทุกคนก็สัมผัสได้ กำลังใจนั้นเราสามารถก่อให้เกิดขึ้น
หรือสร้างขึ้นด้วยตัวเองได้ การที่จะรู้ว่าใครมี “กำลังใจ” หรือไม่ ย่อมต้องมีเหตุแสดงให้เห็นออกมา เช่น เมื่อเกิดปัญหาชีวิต
เกิดโรคภัยไข้เจ็บ คนที่มีกำลังใจ
จะไม่กลัวและพร้อมจะต่อสู้เพื่อให้อุปสรรคเหล่านี้หมดไป
หรือสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้โดยไม่ย่อท้อ ผิดกับคนที่ขาดกำลังใจ มักจะมีอาการตรงข้าม
อันเนื่องมาจากเกิดความกลัวที่จะเผชิญปัญหา จึงเกิดวิตกจริต รู้สึกหดหู่ซึมเศร้า
มองเห็นแต่ปัญหา หาทางออกไม่เจอ การขจัดความกลัวหวาดวิตก
ซึ่งเป็นภัยร้ายที่ทำลายทั้งสุขภาพ และความคิดให้ได้นั้น เราจะต้องหัดมองโลกในแง่ดี
ในแง่แห่งความเป็นจริง คิดในทางบวก คิดว่าต้อง “ทำได้”
อยู่เสมอ เพราะหากเรามัวแต่กลัวปัญหาอุปสรรค และคิดว่าทำไม่ได้
ก็จะเกิดวิตก และทอนกำลังใจตนเอง
กำลังใจอีกแบบหนึ่ง คือ กำลังใจจากการที่เราให้ผู้อื่น
ในโลกในสังคมที่มุ่งเน้นความเป็นเอกบุรุษ เอกสตรี จนไม่มีสายตาแห่งความห่วงใย
มีแต่ความหวาดระแวง การให้กำลังใจกันจึงขาดหายไป เราเริ่มจากคนใกล้ๆตัวเรา
ให้กำลังใจปลุกปลอบใจกัน วันหนึ่งเธอทุกข์มาฉันให้กำลังใจเธอ วันไหนฉันทุกข์มาประจันฉันก็มีเธอที่เป็นพลังหนุน
สังคมแห่งความเอื้ออารี สังคมแห่งการแบ่งปัน สังคมชุมชนศิษย์พระคริสต์ คือ
สังคมที่หล่อรวมความต่าง เติมเต็มความพร่องให้กัน จะเป็นสังคมที่แข็งแรง
ด้วยความที่เราอยู่ในสภาพสังคมที่เต็มไปด้วยวัตถุนิยม
เรื่องของจิตใจก็เลยถูกตีค่าเป็นวัตถุไปหมด นายจ้าง เจ้าของกิจการ
ก็เป็นเพียงผู้มีเงินเยอะกว่าที่จะจ้างใครก็ได้ให้มาทำตามคำสั่ง
เราคิดแบบนี้หรือเปล่า พนักงานบริการก็มีหน้าที่บริการตามคำร้องขอยามที่เราต้องการ
เคยเป็นแบบนี้หรือไม่ สังคมที่ไร้ใจก็เป็นเพียงสังคมกายภาพพิการ
วันนี้เราพบเห็นสภาพแบบนี้มากมาย อีกฝ่ายเรียกร้อง อีกฝ่ายขัดขืน
อีกฝ่ายยื่นคำขาดอีกฝ่ายพร้อมทำลาย สังคมที่เคยหลอมรวมก็หลุดสลาย
กลายเป็นชิ้นส่วนชำรุดทางจิตวิญญาณกันไป
เงาในสายน้ำก็เป็นเพียงเงาสะท้อน
แต่มันก็ทำให้เราได้ย้อนมามองถึงสิ่งที่เป็นอยู่นี้ เรามีชีวิตเพื่อสิ่งใดเล่า
วันนี้จะมีใครไหมที่พร้อมจะให้กำลังใจในวันที่เราอ่อนล้า นั่นก็ต้องกลับไปดูว่า
แล้ว...ที่ผ่านมาเราให้กำลังใจคนอื่นมามากน้อยแค่ไหน แค่กำลังใจ เพียงเท่านี้
เราให้กับใครบ้าง มีไหม ถ้ามีเราจงมั่นใจเถอะว่า เราจะไม่มีวันหมดกำลังใจเด็ดขาด
ภาพเงานั้นแม้จะอ่อนไหว แต่มันเป็นภาพที่อ่อนโยน สงบและนุ่มนวล
ที่สุดเราต่างก็ต้องเอื้อเฟื้อเกื้อกูล พึ่งพากันและกัน อย่าละเว้นที่จะทำดี
ด้วยการให้ “กำลังใจ” อันเป็นพลังผลักดันให้ชีวิตของทุกผู้คนประสบความสำเร็จ