เตือนภัย เตือนใจ
และเตือนตน
พฤศจิกายน 2568 น้ำท่วมสิงห์บุรี
อ่างทอง อยุธยา และถล่มหาดใหญ่จมทั้งเมือง ผู้คนหลายแสนจมอยู่ในความงงงวย ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้ง ๆ ที่อยู่ในช่วงเวลาที่ไม่ควรเกิดขึ้นในศตวรรษนี้
ปรากฏการณ์ท่วมรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์…
นี่คือภัยธรรมชาติ
หรือ เป็นความล้มเหลวในการเตรียมพร้อมในชีวิตของคนเรา
และดูเหมือนเป็นความบังเอิญที่มีความคล้ายกับในพระวรสารวันนี้
เราสร้างบ้านเมืองเต็มไปด้วยตึกเพื่อให้เห็นว่า นี่คือ ความเจริญ สร้างคันดิน คอนกรีต กั้นน้ำ กลับกลายเป็นการขังน้ำเสียมากกว่า บ้านเรือนควรสร้างเป็นระบบการระบายน้ำ
ก็กลายเป็นอ่างใหญ่ที่น้ำไม่มีทางไป
ในวันที่มีเครื่องมือสื่อสารล้ำยุค แต่กลับล้มเหลวเรื่องการสื่อสาร มีระบบ Cell
Broadcast ส่งข้อความเตือน แต่ไม่มีใครรู้ว่าต้องทำอะไร อย่างไร การเตือนจึงไร้ความหมาย
ใช่หรือไม่
ความจริงวันนี้ คนไทยในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ที่น้ำไล่ท่วมในครั้งนี้
ไม่ได้แพ้ฝนหรือแพ้น้ำ แต่แพ้ระบบที่เต็มไปด้วยพิธีรีตอง และการเล่นพรรคเล่นพวก
น้ำท่วมประเทศไทยปีนี้
จึงเป็นภาพจำลองของการใช้ชีวิตแบบไทย ๆ วิกฤตครั้งนี้ คือบทเรียนราคาแพง เรื่อง “ระบบที่ต้องปรับตัวตามโลก”
และเราต้องเตือนตนเตรียมพร้อมอยู่เสมอ
ในชีวิตคนเราดำเนินมาไม่น้อยก็นาน
ล้วนเจอทั้งเรื่องดี เรื่องร้าย ทุกอย่างเป็นเครื่องเตือน
บางคนเติบโตมาเพราะการวางแผน
บางคนเติบโตเพราะการหลงทาง
และเมื่อเวลาชีวิตมากขึ้น ลมหายใจก็สั้นลง
วันนี้
เราได้เตือนใจตัวเองบ้างหรือยัง? เส้นผมที่เริ่มเปลี่ยนสี ดวงตาที่พร่ามัว
เตือนว่าเรากำลังจะจากลาโลกนี้ไป ผิวหนังที่เริ่มโรยรา เตือนว่าความงามภายนอกไม่ยั่งยืน
ทรัพย์สินพร้อมจะสูญหาย ลมหายใจและความดีที่ต้องรักษาไว้
ความทรงจำเริ่มหล่นหาย
และหลงลืม ย้ำเตือนเราว่า ความสัมพันธ์ ผูกพัน ของคนข้างกาย ต้องถนอม ร่างกายเริ่มอ่อนล้าเหนื่อยง่าย
เตือนให้เราพัก อย่ารอให้หมดแรงแล้วมานั่งเสียดายเวลาที่ผ่านไป
ในโลกที่ทุกอย่างดูเหมือนเร่งรีบและไม่มีที่สิ้นสุด
ต้องหมั่นเตือนใจให้ตระหนักถึงความเปราะบางและจำกัดของเวลา และสิ่งต่าง ๆ
ที่จะเกิดขึ้นอย่างไม่เคยพบเจอมาก่อน
การให้คุณค่ากับทุกวินาทีหมายถึงการใช้ชีวิตอย่างมีความหวังที่เต็มไปด้วยความหมาย
การไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์
เป็นการถวายเกียรติแด่พระเจ้าผู้ประทานลมหายใจที่เราได้รับ ทำให้ทุกวินาทีกลายเป็นของขวัญที่มีค่าอย่างแท้จริง
ทุกความเหนื่อยล้า คือ เครื่องเตือนใจว่าเรากำลังเดินอยู่บนหนทางสวรรค์
แม้ว่าความเหนื่อยล้าจะทำให้เรารู้สึกท้อแท้
แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เราระลึกได้ว่า เราไม่ได้หยุดนิ่งอยู่กับที่ และก้าวไปพร้อม
ๆ กับพระเยซูเจ้า
การที่เรายังรู้สึกเหนื่อยแสดงว่าเรายังไม่ยอมแพ้และยังเดินหน้าต่อไป
ยอมรับความเหนื่อยล้าและใช้มันเป็นแรงผลักดันให้เราพัฒนาตัวเองต่อไป
วันนี้ธรรมชาติเตือนภัย
เพื่อให้เราเตือนใจ และเตือนตน เตรียมพร้อมรับทุกสถานการณ์
เพราะเรามีพระเจ้าอยู่กับเราในทุกกรณี....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น