ไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุดก็ได้มั้ง
>>> เราไม่ต้องเก่งที่สุด…แค่ใจดีที่สุด
โลกก็อบอุ่นขึ้นแล้ว <<<
และแล้วครึ่งปีหลังก็ย่างกรายเข้ามาอีกคำรบหนึ่ง ในปีที่แสนจะยากลำบาก
ในปีที่โลกนี้เริ่มซบเซา ในปีที่โลกว้าวุ่นและวุ่นวาย ในช่วงเวลาที่เราเห็นคนเก่งมากมายตามสื่อโซเชี่ยล
แต่สถานการณ์โลกกลับเหมือนกำลังดำดิ่งลงในทุกองคาพยพ หรือว่า...เรามีแต่ความเก่งกาจเฉพาะตัวเอง
เอาความเก่งสร้างเกราะกำบัง เอาความเก่งเข้ากอบโกย เอาความเก่งหาช่องรอดเพื่อคดโกง โลกที่เก่งไปด้วยคำพูดมากมายจนกลายเป็นขยะแห่งความปลอม
สังคมวันนี้จะมีสักกี่คนที่ยอมรับฟังคนอื่นอย่างใจสงบ และพร้อมที่จะโอบกอดทุกคนอย่างอบอุ่น เราโอบกอดลูกที่ไม่เก่ง ที่พลาดพลั้งอย่างจริงจังกันได้บ้างหรือเปล่า เราโอบกอดลูกน้อง ลูกจ้างด้วยใจเมตตาอย่างคนเข้าใจผู้คนกันบ้างไหม เราอาจจะเป็นเพียงผู้วิเศษด้วยอำนาจ ด้วยตำแหน่ง ด้วยวัยที่มากกว่าเท่านั้น หากเรามีใจเมตตาในวันที่โลกเป็นเช่นนี้ เราก็จะมีความสุขสันติกันมากขึ้น เราลองทำตัวเป็นผู้วิเศษด้วยหัวใจที่ดีงาม เหมือนดังในนิทานเรื่องนี้
ในอาณาจักรแห่งหนึ่งที่เหล่าผู้วิเศษมากมายแข่งขันกันด้วยพลังและปัญญาต่างคนต่างแสดงความสามารถอย่างยิ่งใหญ่
มีทั้งพ่อมดผู้ท่องเวทมนตร์ได้เร็วดั่งสายฟ้า แม่มดที่เรียกพายุได้ด้วยเสียงกระซิบ
นักเวทย์ที่พูดทีเดียวทำให้คนทั้งเมืองคล้อยตาม
แต่ในมุมเงียบ ๆ ของอาณาจักรนั้น มีพ่อมดชราผู้หนึ่งเขาไม่ได้มีพลังวิเศษหวือหวา
เขาไม่ได้พูดเก่ง ไม่ได้เสกคาถาได้วิเศษเกินใคร แต่ความพิเศษของเขาอยู่ที่ ใจดีมีเมตตา
ครั้งหนึ่งมีแม่มดน้อยเดินเข้ามาถามด้วยความสงสัย “ท่านพ่อมด ทำไมท่านถึงไม่แข่งเวทมนตร์กับใครเลย?” พ่อมดเงยหน้ามามองเด็กน้อย
ยิ้มเบา ๆ แล้วตอบว่า“ข้าไม่เก่งขนาดนั้นหรอกหนูเอ๋ย แต่ข้ารู้ว่า อะไรคือสิ่งที่โลกนี้ต้องการจริง
ๆ”
แม่มดน้อยนิ่งงันพ่อมดยังคงพูดต่ออย่างใจเย็น
“โลกไม่ได้ต้องการแต่เสียงที่ดังที่สุด แต่ต้องการหัวใจที่ฟังได้ลึกที่สุด ไม่ต้องมีพลังที่สุด
แต่มีเมตตาที่สุด นั่นแหละ คือ เวทมนตร์ที่แท้”
ใช่หรือไม่ ท่ามกลางกระแสของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
แต่จิตใจผู้คนกลับสับสนวุ่นวาย เจอแต่เรื่องร้าย ๆ หนึ่งวันพันเรื่องราว ทำให้ความสงบภายในพลอยโดนทำลายลง พบเห็นแต่ด้านลบด้านร้าย
จิตวิญญาณจึงลดระดับลงจวนเจียนจะติดพื้น จิตใจที่เคยอ่อนโยนกลายเป็นหยาบกระด้าง ที่เคยใจเย็นเห็นสรรพสิ่งสวยงามก็กลายเป็นใจร้อนเห็นแก่ตัวเอง
โลกวันนี้แข่งขันกันเก่ง แข่งขันกันโอ้อวดสารพัดเพื่อให้ผู้คนยกย่อง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า
คำยกย่องเหล่านั้นเป็นเพียงอากาศธาตุ ที่ต่างต้องกดไลค์กดหัวใจให้กัน
เพื่อให้มีตัวตนบนโลกออนไลน์ คำถามที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ แล้วเราจะอยู่กันอย่างไร? ตามน้ำ ตามกระแสน่าจะพอไปได้กระมัง!!!
แท้จริง เราต้องยึดองค์แห่งความจริงเป็นหนทาง
เพื่อให้ชีวิตเราเป็นพระพร พระเยซูเจ้าผู้มีหัวใจแห่งความเมตตา
เป็นหัวใจที่เปลี่ยนโลกมานับศตวรรษ เราควรเลียนแบบเริ่มด้วยเมตตาต่อตัวเองให้เป็น แล้วเริ่มเมตตาต่อคนรอบตัวเรา
คนใกล้ตัวเรา ไม่จำเป็นต้องเก่งให้คนอื่นเห็น
แค่เป็นคนดีมีเมตตาต่อคนที่อยู่กับเราทุก ๆ วัน นี่แหละ คือผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น