วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2567

เติบโตไปกับกาลเวลา

 

เติบโตไปกับกาลเวลา

>>> การแก่ขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่การเติบโตขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่เราเลือกได้ <<<

   
        
เดือนสุดท้ายของปฏิทินได้มาถึงอีกครั้ง เป็นเดือนที่เราต้องทำต้องเตรียมอะไรต่อมิอะไรหลายหลาก บางคนก็เตรียมท่องเที่ยววันหยุดยาว เริ่มศึกษาหาข้อมูล บางคนก็เตรียมซื้อสิ่งของเพื่อเป็นของขวัญ บางคนก็เตรียมซื้อเสื้อผ้าใหม่ ๆ และเมื่อลองมานึกดูดี ๆ เดือนนี้ก็เป็นการย้ำเตือนเราว่าอายุเราก็จะเพิ่มขึ้น เรียกง่าย ๆ ว่า “แก่ขึ้น” และมองย้อนไปว่าเราได้เติบโตขึ้นบ้างไหม การเติบโตที่ว่านี้ไม่ใช่ทางกายภาพ แต่เติบโตด้วยคุณภาพทางจิตวิญญาณ มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งทำให้เราพอที่จะมองเห็นเพื่อไตร่ตรองเวลาในช่วงนี้ ขอนำมาแบ่งปัน...

วันเปิดเรียนในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง อาจารย์ได้เข้ามาแนะนำตัวและบอกให้นักศึกษาในชั้นเรียนแนะนำตัวเอง ในห้องนั้นมีหญิงสูงวัยคนหนึ่งมาเรียนอยู่ด้วย รอยยิ้มทำให้เธอดูสดใสอย่างยิ่ง หญิงคนนั้นกล่าวขึ้นว่า “สวัสดี ฉันชื่อโรส  อายุแปดสิบเจ็ดแล้ว” ทุกคนถามเธอว่า “ทำไมคุณถึงมาเรียนที่นี่ตอนที่อายุขนาดนี้ และเธอตอบว่า “ฉันฝันมานานแล้วว่าฉันจะได้ปริญญา และตอนนี้ฉันก็กำลังจะได้ปริญญาที่ฉันฝัน”

ตลอดปีนั้น โรสได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยและเธอนั้นจะเป็นเพื่อนได้กับทุกคน ในทุกที่ที่เธอไป เธอรักที่จะแต่งตัวดี ๆ และดื่มด่ำอยู่กับความสนใจที่นักศึกษาคนอื่น ๆ มีให้กับเธอ เธอได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ เมื่อถึงตอนสิ้นสุดการศึกษา โรสถูกเชิญให้เป็นตัวแทนมากล่าว

พิธีกรแนะนำตัวเธอและเธอก็เดินขึ้นมาที่แท่น ตอนที่เธอกำลังเตรียมตัวที่จะพูดตามที่เธอตั้งใจนั้น เธอทำกระดาษจดบันทึกเรื่องที่เธอจะพูดตกพื้น เธอทั้งอาย ทั้งประหม่า แต่เธอโน้มตัวเข้าหาไมโครโฟน แล้วบอกว่า “ขอโทษด้วยนะที่ฉันซุ่มซ่าม ฉันเลิกกินเบียร์มาตั้งนานแล้ว แต่แอลกอฮอล์พวกนี้มันแรงจริง ๆ (ทุกคนหัวเราะในอารมณ์ขำของเธอ) ฉันจะเอาบทของฉันมาเรียงใหม่คงไม่ทันแล้ว งั้นฉันก็คงบอกแค่เรื่องที่ฉันรู้ก็แล้วกันนะ”

เธอเริ่มต้นว่า พวกเราทุกคนนั้นไม่ได้หยุดเล่นเพราะเราแก่หรอก แต่เราแก่เพราะว่าเราหยุดเล่น ที่จริงแล้วมีเคล็ดลับสู่การที่จะยังหนุ่มสาว มีความสุขและประสบความสำเร็จ อยู่ 4 ข้อ คือ ข้อหนึ่งจะต้องหัวเราะ และมีเรื่องสนุก ๆ ขำขันในทุกวัน ข้อสอง จะต้องมีความฝัน เมื่อไรก็ตามที่คุณสูญเสียความฝันไปคุณจะตาย มีคนมากมายที่ยังเดินไปเดินมาอยู่ ทั้ง ๆ ที่ตายไปแล้ว และไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตายไปแล้ว

ข้อสามการ “แก่ขึ้น” กับ “เติบโตขึ้น” นั้นมันต่างกันมาก ถ้าฉันอายุแปดสิบเจ็ด แล้วนอนเฉย ๆ ไม่ทำอะไรเลยตลอดทั้งปี ฉันก็จะอายุแปดสิบแปด ทุก ๆ คนนั้นจะแก่ขึ้นทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องอาศัยความสามารถอะไรเลย ส่วนเรื่องของการเติบโตขึ้นนั้น อยู่ที่การแสวงหาโอกาสในการเปลี่ยนแปลง

ข้อสุดท้าย อย่าทิ้งอะไรไว้ให้เสียใจภายหลัง คนสูงอายุส่วนใหญ่นั้นไม่เสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไปแล้ว แต่มักจะเสียใจกับสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ คนที่กลัวความตายนั้น มีแต่คนที่ยังมีสิ่งที่ต้องเสียใจค้างอยู่”

เมื่อสิ้นปีการศึกษานั้น โรสได้รับปริญญาที่เธอได้ฝันไว้เมื่อนานมาแล้ว หนึ่งสัปดาห์หลังจบการศึกษา โรสจากไปอย่างสงบเธอนอนหลับไปและไม่ตื่นขึ้นอีกเลย นักศึกษากว่าสองพันคนไปร่วมพิธีศพของเธอเพื่อแสดงความเคารพ ต่อหญิงชราผู้วิเศษ ผู้ได้สอนให้พวกเขาได้รู้ ด้วยการทำให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า.......ไม่มีคำว่าสายเกินไป

เราอยู่ได้ด้วยสิ่งที่เราได้รับ แต่เราจะมีชีวิตอยู่ได้ เพราะสิ่งที่เราให้ไป นี่คือการเติบโตที่แท้จริง แล้วเราเติบโตขึ้นมากแค่ไหนกันบ้างล่ะในขวบปีที่กำลังจะผันผ่านไป....

ไม่มีความคิดเห็น: