ชีวิตเบิกบาน
>>> ชีวิตทุกวันนี้เราต่างแสวงหาความสุข
ที่ยังไปถึงความเบิกบาน
ความสุขมักจะเกี่ยวข้องกับปัจจัยภายนอกที่เราแสวงหาไขว่คว้า
ความเบิกบานนั้นอยู่ที่เรียนรุ้
ยอมรับในทุกสถานการณ์ มองทุกสิ่งอย่างเป็นกลาง
<<<
หลังจากต่างเติบโต
ต่างคนต่างก็เริ่มมีวิถีชีวิตของตัวเอง การติดต่อสื่อสารก็ยังพอมีอยู่บ้าง
จวบจนเมื่อหลายปีก่อนได้ข่าวว่าพี่คนนี้ล้มป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล
จึงนัดรวมตัวกันไปเยี่ยม รับรู้ว่าเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงขั้นรุนแรง ต้องใช้เวลารักษาเยี่ยวยานานพอสมควร
และต้องกลายเป็นคนป่วยที่นอนติดเตียง แต่เพราะกำลังใจที่เต็มเปี่ยม
มีความเชื่อความศรัทธาในพระอย่างเต็มล้น จึงมีผู้ที่ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูล
จนกระทั่งได้ไปรักษาตัวในศูนย์เฉพาะทาง และกลายเป็นบุคคลต้นแบบในการใช้ระบบคอมพิวเตอร์สื่อสารผ่านการสั่งด้วยการกระพริบตา
ด้วยความมุ่งมั่นในการต้องมีชีวิตอยู่ เพื่อเห็นลูกสาวผู้น่ารักเติบโต
จากคนป่วยกลายเป็นคนเปลี่ยน เปลี่ยนทัศนคติ ทำให้พวกเราพบกับความเบิกบานทุกครั้งที่ได้สนทนาผ่านตัวอักษร
เราต่างหากที่ได้รับพลังจากพี่ที่ป่วยคนนี้ ความสุขที่เปลี่ยนจากการยอมรับ
เรียนรู้ และพัฒนาตัวเองมันกลายเป็นความเบิกบานในชีวิตคน ๆ หนึ่งได้จริง
ความสุขขั้นพื้นฐานเริ่มต้นมาจากภายในตัวเรา ไม่ใช่เงินทอง
ไม่ใช่การมีอำนาจ หรือไม่ใช่ตำแหน่งทางสังคม สมบัติภายนอกไม่สามารถสร้างสันติในใจได้
ไม่สามารถนำความแช่มชื่นเบิกบานที่แท้จริงซึ่งเกิดอยู่ภายในได้เลย
“ความเบิกบาน” นั้น ยิ่งใหญ่กว่า “ความสุข” ขณะที่ความสุขมักถูกมองว่าขึ้นกับเหตุการณ์ภายนอก แต่ความเบิกบานนั้นเกิดจากความรู้สึก
ความเบิกบานเกิดขึ้นได้ทันทีทดแทนความทุกข์ คนเรานั้นมีทั้งกาย ใจ จิตวิญญาณ ชีวิตคนเราต้องมีการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
มีรอยยิ้มให้แก่กัน ถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน
ความทุกข์นั้นมาจากการสร้างขึ้นเอง ให้กำลังใจกับตัวเรา ให้ทุก ๆ วันของเราเป็นวันที่มีความหมาย ให้คนรอบข้างเราเป็นเหมือนกระจกไม่ควรละเลยที่จะใส่ใจกัน
เกื้อกูลซึ่งกันและกัน รู้จักแบ่งปัน
เข้าใจผู้อื่น และต้องเอาใจใส่ต่อกันและกัน
เพียงเท่านี้เรามีชีวิตก็ที่สงบสุขและเบิกบานได้ในทุกสภาพ…
แด่ พี่ตั้ม วีรนนท์ ทรรทรานนท์
ผู้เป็นต้นแบบชีวิตที่เบิกบานในยามเจ็บป่วย
สัปดาห์แห่งความเบิกบานเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น