วันเสาร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2568

มองอิฐไม่เป็นอิจ

 

มองอิฐไม่เป็นอิจ

>>> ก่ออิฐให้รากฐานที่มั่นคง อิจ(ฉา)ทำร้ายจิตใจให้แตกสลาย <<<

ฉลองวัดเราคราวใด ใจก็อดที่จะคิดถึงผู้ก่อตั้ง ผู้รังสรรค์สร้างวัดเซนต์หลุยส์ของเราให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่ได้ และมองลึกลงไปก็มีข้อคิดให้คำนึงถึงได้เสมอมา มองเห็นอิฐ มองเห็นความจริงว่า ยิ่งก่อ ยิ่งสง่า อิฐ เป็นวัสดุก่อสร้างที่แข็งแรง ทนทาน  ยิ่งสร้างมาก ยิ่งดูสง่างาม มั่นคง  แต่กว่าจะได้ความแข็งแกร่งต้องผ่านการเผาไหม้ตัวตนมาอย่างโชกโชน ผ่านการคลุกเคล้าขัดเกลา เหยียบย่ำ บดละเอียดและอัดแน่น และเมื่อถูกนำมาก่อสร้างอิฐจะกลายเป็นวัสดุชนิดหนึ่งที่ช่วยคลายความร้อนได้ดี และยิ่งนำมารวมกันเป็นชั้นเป็นกำแพง ยิ่งแข็งแกร่ง ดูงดงาม น่าเคารพ 

เมื่อเห็นอิฐก็อดที่จะคิดถึงคำว่า “อิจ” (พ้องเสียง) คือ อิจฉา ที่ยิ่งก่อ ยิ่งทำลาย เป็นความไม่พอใจเมื่อเห็นคนอื่นได้ดี  ยิ่งสะสมมาก ยิ่งทำให้เสียหาย สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของมนุษย์บนโลกนี้ คือ “ความอิจฉา” เพราะมันพร้อมจะให้เราทำลายทุกอย่าง แม้กระทั่งตัวเอง ความอิจฉานั้น ยิ่งสั่งสมมาก ยิ่งทำให้จิตใจผุพัง ถึงแม้ว่า ความอิจฉาจะเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ตราบใดที่ยังอยู่ในสังคม ความรู้สึกนี้จะมีอยู่เสมอ แต่ความต่างของความอิจฉา อยู่ที่วิธีการจัดการ คนเขลาใช้ความอิจฉาเป็นไฟเผาตัวเองกลายเป็นคำถากถาง อคติ และความไม่พอใจ คนมีปัญญาใช้ความอิจฉาเป็นเชื้อเพลิงไตร่ตรองว่า ทำไมเขาถึงสำเร็จ? และรู้จักที่จะเปลี่ยนความรู้สึกนั้น ให้เป็นแรงผลักดัน ขับเคลื่อนสู่การพัฒนาตนยิ่ง ๆ ขึ้น

ในอีกด้านหนึ่ง ความอิจฉาอาจทำร้ายเราได้ แต่ถ้าเราใช้มันให้ถูก มันก็อาจกลายเป็น แรงส่งให้เราเติบโตได้เร็วที่สุด อย่าให้ความอิจฉาเป็น “ไฟเผาไหม้จิตใจเรา” แต่จงให้เป็น “พลังงานนำทาง” เราก้าวขึ้นไปสู่ความสำเร็จและสันติสุข มาเปลี่ยนอิจให้เป็นอิฐ เพื่อความแข็งแรงของจิตวิญญาณ เหมือนดังวัดเซนต์หลุยส์ของเราที่ตั้งสง่างามท่ามกลางเมืองที่วุ่นวาย...

วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2568

พร้อมกันหรือยัง..?

 

พร้อมกันหรือยัง..?

>>> หลายครั้งต้องรอให้พร้อมถึงจะทำ แต่ถ้าพร้อมเสมอจะทำเมื่อไรก็ได้ <<<

วันเวลาผ่านพ้นเราไปอย่างรวดเร็ว วัน ๆ มีเรื่องราวหลากหลายเกิดขึ้น บางทีตั้งใจจะทำโน่นทำนี่ก็ยังไม่ได้ทำ โดยมักมีข้ออ้างว่า “ไม่พร้อม” “ไม่ว่าง” พอหันกลับมาอีกทีโลกวิ่งไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ในชีวิตเรามักคิดกันว่ามีเวลาอีกมากมาย เดี๋ยวก่อนก็ได้ แต่ใครจะรู้เล่าว่า จะมีพรุ่งนี้สำหรับเราอีกหรือเปล่า? โลกนี้โหดร้าย ไม่ปลอดภัย ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นได้ในทุกเสี้ยววินาที เตรียมพร้อมจึงเป็นเกราะป้องกันให้เราดำเนินชีวิตอย่างปลอดโปร่ง

“สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตคืออะไร? เด็กชายถามชายชราผู้เปี่ยมปัญญา “ไม่ใช่เงินทอง ชื่อเสียง หรืออำนาจ แต่เป็น เวลา ชายชราตอบพร้อมรอยยิ้ม “เพราะเวลาเป็นสิ่งเดียวที่มนุษย์ทุกคนได้รับอย่างเท่าเทียม แต่เมื่อสูญเสียไปแล้ว ไม่อาจเรียกคืน ช่วงเวลาที่ใช้อย่างไร้ค่าย่อมสูญสลายตลอดกาล ขณะที่ทุกนาทีที่ใช้อย่างมีคุณค่าคือของขวัญแก่ตนเองและผู้อื่น”

“แต่ถ้าเรามีเงิน เราก็ซื้อเวลาเพิ่มได้ไม่ใช่หรือ? เด็กชายสงสัย ชายชราหัวเราะเบา ๆ “ไม่เลย เจ้าหนู เงินทองซื้อได้หลายสิ่ง แต่ซื้อเวลาเพิ่มไม่ได้ และหากซื้อได้จริง จะมีประโยชน์อันใดหากปราศจากปัญญาใช้มันให้คุ้มค่า?

“แล้วผมจะใช้เวลาให้คุ้มค่าได้อย่างไร? เด็กชายเริ่มเข้าใจ “จงใช้เวลาสร้างสิ่งดีงามแก่โลก ช่วยเหลือผู้อื่น เรียนรู้สิ่งใหม่ ทำตามความรัก และอย่าลืมว่า ทุกวินาทีคือของขวัญ จงใช้มันอย่างรู้คุณค่า” นับแต่นั้น เด็กชายให้ความสำคัญกับทุกห้วงเวลาแห่งชีวิต และใช้มันเพื่อสร้างโลกที่ดีกว่า จนเติบใหญ่เป็นผู้ใหญ่ที่ใช้ชีวิตอย่างมีความหมายและเปี่ยมด้วยความสุข  (เพจ Black & White)

วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2568

โลกเป็นไรหรือเพราะเราให้เป็นแบบนี้

 

โลกเป็นไรหรือเพราะเราให้เป็นแบบนี้

>>> ผู้ที่รู้จักตน ย่อมเป็นผู้มีปัญญา ผู้ที่ชนะตนเอง ย่อมเป็นผู้กล้าหาญ”  คัมภีร์เต๋า <<<

ท่ามกลางความขัดแย้งในดินแดน ในขอบเขตที่ยึดครอง จนทำให้บ้านเมืองเราตกอยู่ในภาวะการสู้รบกับประเทศเพื่อนบ้าน นำมาซึ่งการสูญเสียชีวิตผู้คนเป็นจำนวนมาก ยังไม่สามารถรู้ได้ถึงจุดสุดท้ายว่าจะลงเอ่ยกันอย่างไร? ภัยพิบัติก็เริ่มรุนแรงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม แผ่นดินไหว สึนามิ และอื่น ๆ ปีนี้โลกเป็นอะไรไม่รู้ดูเหมือนตกอยู่ในภาวะตกต่ำไปในทุก ๆ ด้าน หรือว่าโลกนี้ไม่ได้เป็นอะไรเลย มันก็หมุนไปตามวาระของมัน เพียงแต่เรามนุษย์นี่แหละ ที่เป็นตัวการทำให้โลกตกต่ำลง จิตใจผู้คนต่ำเตี้ยใช่หรือไม่ เราต่างฝ่ายต่างเห็นแก่ตัว ยึดโยงทุกสิ่งอย่างมาเป็นของตน เพื่อให้ตัวเองมีมาก เราต่างก็โลภสะสม โอ้อวด โดยมิสนใจเลยว่าสิ่งที่ทำไปนั้นมันส่งผลกระทบกระเทือนไปทั้งโลก ถึงสวรรค์ชั้นฟ้า พระเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องพลอยเดือดร้อน ตามคำวอนขอของผู้คน

คนที่โลภ อยาก หวัง จะสรรหาสะสม มีเท่าไหร่ก็ไม่พอ อยากมีไปเรื่อย ๆ ไม่สิ้นสุด ก่อเกิดทุกข์ กิเลสมากมายในใจ เวลาในชีวิตของแต่ละคนเหลือกันเท่าไหร่  ไม่มีใครรู้ได้ แล้วจะเสียเวลาไปกับความทุกข์ที่เป็นเหมือนกำแพงกั้นนี้กันอยู่ทำไม เมื่อพอเพียง สร้างความสุขให้เราได้ เหตุใดจึงไม่รู้จักพอกันบ้าง แสวงหากันมากมาย สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้อะไรกันเลย

ใช่หรือไม่ คนเราย่อมมีความอยากด้วยกันทุกคน แต่ไม่ควรมีความโลภ เราย่อมมีความรัก โลภ โกรธ หลง แต่ก็ต้องรู้จักที่จะระงับและควบคุมอารมณ์เหล่านั้นให้ได้ เราทุกคนย่อมมีบาป แต่ควรละอายและเลี่ยงการสร้างความชั่ว ควรสร้างแต่ความดี ไม่มีใครจะได้ทุกอย่างที่ตัวเองต้องการ แน่ล่ะ หวังได้ แต่ก็ใช่จะต้องสมหวังทุกเรื่อง ไม่มีใครที่มีแต่ความสุข และเช่นกันก็ไม่มีใครที่มีแต่ความทุกข์ตลอด อย่าหลงกับความสุขจนเกินไป และอย่าจมกับความทุกข์จนกลายเป็นเศร้า  ลดตัวตนลงบ้าง ความอยาก ความโลภ ก็จะลดลงตาม เราต้องค่อย ๆ เรียนรู้ และเข้าใจด้วยตัวเอง จากการฝึกฝนรู้จักที่จะก้าวข้ามผ่านความโลภไปให้ได้

 ชายคนหนึ่งเขาบอกทุกคนว่า “โลกนี้เต็มไปด้วยทางตัน มีแต่ความเจ็บ มีแต่ความแคบ มีแต่ความมืด” เขาตื่นเช้ามาทำสิ่งเดิม ๆ พูดกับคนเดิม ๆ คิดเรื่องเดิม ๆ อยู่ในวังวน เหมือนอยู่ในห้องขังไม่มีประตู เหนื่อย แต่ไม่ยอมพัก กลัว แต่ไม่กล้ายอมรับ ท้อ แต่ก็ยังฝืนทำให้เหมือนปกติ เขาเคยลอง “ทลายปัญหา” ด้วยแรง ทุบกำแพงด้วยกำปั้น แต่กำแพงแข็งกว่า และมือเขาก็บาดเจ็บเลือดไหล

วันหนึ่งในความเงียบ เขานั่งอยู่คนเดียวในห้องนั้น และเพิ่งสังเกตเห็นว่า ประตูเปิดอยู่แล้ว เพียงแค่เขา “หันกลับไปมอง” จึงพบว่าที่เขาติดอยู่ไม่ใช่เพราะไม่มีทางออก แต่เพราะไม่เคยเชื่อว่าตัวเองออกไปได้ เพราะมีแต่ของที่สะสมกางกั้น คนจำนวนมากไม่ได้แพ้เพราะไม่มีทางออก แต่แพ้ใจตัวเอง และต้องทนอยู่กับความทุกข์ ความกล้าไม่ใช่แค่เดินหน้า บางทีมันคือการยอมรับ การไม่มีบางอย่าง แต่เราจะพบหลายอย่างด้วยซ้ำไป ไม่ต้องมีเหมือนคนอื่น เราจะกลายเป็นน่ารักในสายพระเนตรของพระเจ้า

สงคราม ความรุนแรง สภาพเศรษฐกิจ สภาพสังคม เหตุการณ์บ้านเมือง ความโลภ ความโกรธ ความหลง จิตใจ และพฤติกรรมของผู้คน ไม่ได้อยู่ในวิสัยที่เราจะกะเกณฑ์ได้ แต่ใช่ว่าเราจะทำอะไรไม่ได้เลย เพียงแค่เราต่างต้องดูแลความโลภ ความโกรธ ความหลงของตัวเองให้ดี ดูแลความคิด คำพูด และการกระทำให้สะอาดเท่าที่ทำได้ นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับโลกร้อน ๆ ใบนี้ และเราจะได้พบสวรรค์ตั้งแต่บนโลกนี้....