มองอิฐไม่เป็นอิจ
>>>
ก่ออิฐให้รากฐานที่มั่นคง
อิจ(ฉา)ทำร้ายจิตใจให้แตกสลาย <<<
ฉลองวัดเราคราวใด ใจก็อดที่จะคิดถึงผู้ก่อตั้ง ผู้รังสรรค์สร้างวัดเซนต์หลุยส์ของเราให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่ได้ และมองลึกลงไปก็มีข้อคิดให้คำนึงถึงได้เสมอมา มองเห็นอิฐ มองเห็นความจริงว่า ยิ่งก่อ ยิ่งสง่า อิฐ เป็นวัสดุก่อสร้างที่แข็งแรง ทนทาน ยิ่งสร้างมาก ยิ่งดูสง่างาม มั่นคง แต่กว่าจะได้ความแข็งแกร่งต้องผ่านการเผาไหม้ตัวตนมาอย่างโชกโชน ผ่านการคลุกเคล้าขัดเกลา เหยียบย่ำ บดละเอียดและอัดแน่น และเมื่อถูกนำมาก่อสร้างอิฐจะกลายเป็นวัสดุชนิดหนึ่งที่ช่วยคลายความร้อนได้ดี และยิ่งนำมารวมกันเป็นชั้นเป็นกำแพง ยิ่งแข็งแกร่ง ดูงดงาม น่าเคารพ
เมื่อเห็นอิฐก็อดที่จะคิดถึงคำว่า
“อิจ” (พ้องเสียง) คือ อิจฉา ที่ยิ่งก่อ ยิ่งทำลาย เป็นความไม่พอใจเมื่อเห็นคนอื่นได้ดี ยิ่งสะสมมาก ยิ่งทำให้เสียหาย สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของมนุษย์บนโลกนี้
คือ “ความอิจฉา” เพราะมันพร้อมจะให้เราทำลายทุกอย่าง
แม้กระทั่งตัวเอง
ความอิจฉานั้น ยิ่งสั่งสมมาก ยิ่งทำให้จิตใจผุพัง ถึงแม้ว่า
ความอิจฉาจะเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ ตราบใดที่ยังอยู่ในสังคม
ความรู้สึกนี้จะมีอยู่เสมอ แต่ความต่างของความอิจฉา อยู่ที่วิธีการจัดการ คนเขลาใช้ความอิจฉาเป็นไฟเผาตัวเองกลายเป็นคำถากถาง อคติ และความไม่พอใจ คนมีปัญญาใช้ความอิจฉาเป็นเชื้อเพลิงไตร่ตรองว่า ทำไมเขาถึงสำเร็จ? และรู้จักที่จะเปลี่ยนความรู้สึกนั้น
ให้เป็นแรงผลักดัน ขับเคลื่อนสู่การพัฒนาตนยิ่ง ๆ ขึ้น
ในอีกด้านหนึ่ง ความอิจฉาอาจทำร้ายเราได้ แต่ถ้าเราใช้มันให้ถูก
มันก็อาจกลายเป็น แรงส่งให้เราเติบโตได้เร็วที่สุด อย่าให้ความอิจฉาเป็น “ไฟเผาไหม้จิตใจเรา”
แต่จงให้เป็น “พลังงานนำทาง” เราก้าวขึ้นไปสู่ความสำเร็จและสันติสุข มาเปลี่ยนอิจให้เป็นอิฐ เพื่อความแข็งแรงของจิตวิญญาณ
เหมือนดังวัดเซนต์หลุยส์ของเราที่ตั้งสง่างามท่ามกลางเมืองที่วุ่นวาย...