วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2568

ภายในที่ดี

 

ภายในที่ดี

>>> ความสำเร็จที่แท้จริง เริ่มต้นจากภายใน จิตใจที่ดี จะดึงดูดการกระทำที่ดี <<<

ดูเหมือนว่าความวุ่นวายของสังคมเริ่มจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งทางเศรษฐกิจ การเมือง และความขัดแย้งในองค์กร ก่อให้เกิดความสับสนอลหม่านไปกันหมด ท่ามกลางเครื่องมือสมัยใหม่ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาแทนที่จะเป็นเครื่องมือช่วยให้เราใกล้ชิดกันมากขึ้น ทำให้เรามีความสุขมากขึ้น แต่เปล่าเลย มันกลายเป็นเครื่องมือที่ใช้ช่วงชิงผลประโยชน์ เป็นเครื่องมือที่ก่อให้เกิดความเห็นแก่ตัวมากขึ้นและเร็วขึ้นอย่างไม่รู้ตัว วันนี้เรากำลังหลุดวงโคจรในสำนึกของตัวเองกันมากขึ้น เราไม่นิ่งพอต่อสิ่งเร้า เราขาดการเจริญเติบโตทางชีวิตภายใน เราเร่งรีบกันเกินไป จนกลายเป็นผลที่สุกก่อนวัยอันทาน เราหาความสำเร็จเพื่อปรุงแต่งตัวตนมากกว่ามองความสำเร็จขององค์รวม ที่สุดเรากำลังละทิ้งพระผู้ช่วยให้เดียวดายอย่างไม่ใยดี แล้วพอความเลวร้ายมาถึง เราก็ล้มลงไม่เป็นท่า...

ถ้าชีวิตภายในเราแกร่งพอไม่ว่าจะเจอเรื่องราวหลายหลากเช่นไร จะเลวร้ายแค่ไหน เราพร้อมน้อมรับกับทุกสถานการณ์ เราต้องรู้จักคุณค่าในตัวเองและเชื่อว่า “เราเข้มแข็งพอ” ที่จะก้าวข้ามทุกปัญหาได้อย่างผู้มีปัญญา สิ่งหนึ่งที่ต้องประคับประคองไว้ให้ได้คือ “ใจ” และ “พลังบวก” ภายใน อย่าให้ใครมาลดทอนสิ่งดี ๆ ที่เรามีอยู่ อย่าให้ใครมีอิทธิพลกับความรู้สึกมากไป ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามที่มันควรจะเป็น ยึดใจไว้อย่าให้แกว่ง

ใจที่ไม่มั่นคงเปรียบเหมือนเรือที่ไร้หางเสือ ลมพัดไปทางไหนก็พาไปทางนั้น ไม่อาจควบคุมทิศทางของตนเองได้ เมื่อเจอลมพายุพัดใส่ คำพูดของคนอื่น เรื่องราวรอบตัว หรือความกลัวภายใน ใจก็หวั่นไหวและไหลไปตามกระแสคลื่นอย่างง่ายดาย เรือที่ไร้หางจะไม่มีวันถึงจุดหมาย เพราะไม่มีสิ่งใดนำทางฉันใด ใจที่ไม่มั่นคงก็ไม่อาจสร้างเส้นทางชีวิตที่ชัดเจนได้ฉันนั้น การมีจิตใจมั่นคง ไม่ได้แปลว่าแข็งกระด้าง แต่เป็นการรู้จักตนเอง ยืนหยัดในความดีงาม และกล้าที่จะตัดสินใจแม้ยามคลื่นลมแรง เพราะเมื่อใจนิ่ง แน่วแน่ และมีเป้าหมาย ก็เหมือนเรือที่มีหางเสือพร้อมแม้ต้องฝ่าคลื่นลม มุ่งหน้าไปถึงฝั่งได้ในที่สุด

และเพื่อให้ใจที่มั่นคงเราต้องเรียนรู้ที่จะฟังเสียงภายใน ความเงียบภายในใจไม่ใช่ความอ่อนแอ เป็นการฟื้นฟูตัวเองเพื่อกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม  เป็นกระบวนการที่เราหยุดเพื่อฟังเสียงของตัวเอง ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อเราเผชิญกับปัญหาหรือความกดดัน บางครั้งการตอบสนองโดยทันทีอาจไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด ความเงียบช่วยให้เราได้ไตร่ตรอง หาคำตอบ และค้นพบพลังใหม่ที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง การหยุดพักไม่ได้หมายถึงการยอมแพ้ แต่เป็นการให้เวลากับตัวเองได้ฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้าและเตรียมพร้อมสำหรับก้าวต่อไป

คนสมัยใหม่มักอยู่คนเดียวไม่เป็น พออยู่คนเดียว ก็กลัวเหงา กลัวความเงียบ ใจล่องลอยคิดถึงนั่นนี้ นี่คือความอ่อนแอของจิตใจ ปัญหานี้เรามักมองข้ามกัน คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา ทุกวันนี้เรามีโทรศัพท์เป็นเพื่อน อยู่คนเดียวได้ขอให้มีไวไฟ มีคลื่นโทรศัพท์ แต่ไม่ได้อยู่กับความเงียบ ไม่มีเวลาสนทนากับพระจิตเจ้า เลยรู้สึกต้องการนั่นนี่โน้นตลอดเวลา ตรงกันข้ามกับคนที่นิ่งเป็นจะมีความรู้สึกว่าไม่ขาดอะไรเลย จะอยู่คนเดียว อยู่น้อยคน อยู่มากคน จิตใจก็มั่นคง จะคบใครพูดคุยกับใครก็มีความสุข  จะอยู่คนเดียวก็มีความสุขได้ ความสุขจึงขึ้นอยู่กับการเติบโตของชีวิตภายใน ไม่ต้องพึ่งคนอื่น ก่อให้เกิดความมั่นใจในตัวเองเป็นปฐมบท มั่นใจตัวเองไม่ได้แปลว่าอวดดี แต่เพราะเชื่อมั่นว่าตัวเราดีพอ จึงกล้าที่จะใช้ชีวิตอย่างคนที่ไม่กังวลกับความทุกข์

ใช้ชีวิตในวันที่ดูไม่โสภาให้เป็นของขวัญ และของขวัญที่ดีที่สุดของชีวิต คือ ความสุขภายในเป็นความสุขแท้จริงที่เกิดจากใจหยุดนิ่ง เมื่อหยุดจึงสว่าง เมื่อสว่างจึงเห็น เมื่อเห็นจึงรู้ เมื่อรู้จึงหลุดพ้นจากความทุกข์ และที่สุดพระจิตอยู่ในตัวเราเสมอ ฟังเสียงพระองค์บ้าง ให้พระองค์ชี้นำทาง สนทนากับพระองค์บ่อย ๆ ในยามว่าง เพื่อให้พระองค์เป็นชีวิตภายในของเรา

ไม่มีความคิดเห็น: