พิษร้ายสาม อ
>>> ในโลกที่เจริญล้ำ
กลับมีพิษร้ายทำร้ายจิตวิญญาณมากมาย <<<
อาหาร การกิน : ในโลกที่เจริญดังเช่นวันนี้มีอาหารแปรรูป
เมนูอาหาร สูตรอาหารให้เราเลือกหาอย่างสะดวกสบาย ทั้งมีวัตถุดิบในการเลือกหา
เพื่อเพิ่มรสชาติของอาหาร ความหลากหลายของอาหารกลายเป็นความอยาก
กลายเป็นการเสพพิษร้ายเข้าไปในร่างกายอย่างไม่รู้ตัว โรคอ้วน
โรคที่เกี่ยวกับการกิน จึงกัดเซาะชีวิตของผู้คนจำนวนมหาศาล
เราต้องสูญเสียทรัพย์ เพื่ออาหารยังไม่พอ เราต้องสูญสิ้นทรัพย์
เพื่อรักษาอาการป่วยจากอาหารที่เรานำเข้าสู่ร่างกายอีกต่างหาก
หากเราหันมามองดูทุกศาสนาจึงมุ่งเน้นเรื่องของการรู้จักที่จะควบคุมการกินการอยู่
มีช่วงเวลาให้เราพักฟื้นร่างกาย หันมารู้จักควบคุมอาหาร หันมาควบคุมตัวเอง บังคับ
ให้เลือก ให้หยุด เพื่อชำระสารพิษจากอาหารคงค้างในร่างกายเราออกไปบ้าง และเป็นการเอาชนะใจตังเอง
เพื่อมีเวลาในการบำรุงอาหารทางด้านจิตวิญญาณ อดอาหาร เพื่อเพิ่มความอดทน
อำนาจหากถูกใช้อย่างถูกต้อง
จะเป็นส่วนหนึ่งที่นำผู้คนสู่สันติสุข อำนาจมิได้มีเพื่อตัวเอง
อำนาจควรมาพร้อมกับหน้าที่ที่ต้องนำพาผู้คนให้พ้นทุกข์ อำนาจไหนเพิ่มทุกข์ให้ผู้คนอำนาจนั้นจะกลับมาทำร้ายตัวเอง
และที่สุดอำนาจที่แท้จริง คือ อำนาจที่จะรู้จักควบคุมตัวเอง
มิให้ไปเอารัดเอาเปรียบคนอื่น อำนาจที่จะรู้จักรักและอภัย อำนาจทางจิตวิญาณนั้นงดงามมีบารมีดีกว่าอำนาจจอมปลอมที่ผู้คนกำลังแสวงหากันอยู่
อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ : ในโลกที่เจริญทางด้านเครื่องไม้เครื่องมือสมัยใหม่
แต่เรากลับเห็นผู้คนหันไปพึ่งพาอิทธิฤทธิ์ จากคนเข้าทรง หมอผี เกิดเจ้าพ่อ เจ้าแม่
ขึ้นมามากมาย ต่างก็โอ้อวด อิทธิฤทธิ์ สร้างปาฏิหาริย์ ดูดวง กำหนดโชคชะตาได้
คนที่เจริญแล้วจำนวนไม่น้อยก็หลงไปนับถือบูชา อย่างไม่ลืมหูลืมตา หรือแท้จริงแล้วโลกยิ่งเจริญ จิตใจผู้คนยิ่งอ่อนแอลง ขนาดว่าเรามีเครื่องมือที่จะพิสูจน์เรื่องบางเรื่องได้
แต่ก็มิอาจจะทำให้หลายคนออกจากหลุมพรางความศักดิ์สิทธิ์ที่จอมปลอมนั้นได้
โลกที่การสื่อสารเจริญขึ้นกลับกลายเป็นเครื่องมือนำไปสู่การโปรโมทอิทธิฤทธิ์กันง่ายขึ้น
เป็นช่องทางทำมาหากินกับผู้คนที่อ่อนล้าทางจิตวิญญาณ
อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์บางทีก็แยกไม่ออกกับความเชื่อทางศาสนา นำมาเชื่อมโยงผูกพันกันมั่วไปหมด ความเชื่อของเราต้องมีความไว้วางใจเป็นที่ประจักษ์ เรายึดมั่น มั่นคงเพียงใด? อย่าหวั่นไหวไปกับอิทธิฤทธิ์ที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ และหลุดหลงไปในกระแส เราจะฝากจิตวิญญาณของเราไว้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อหวังผลประโยชน์อย่างนั้นหรือ? คนเรานั้นหากเราเชื่อในสิ่งที่เราไว้วางใจ เพียงเท่านี้เราก็ค้นพบปาฏิหาริย์ขึ้นภายในใจแล้ว
หากวันนี้เรารู้ถึงพิษร้ายที่กัดเซาะกร่อนทำร้ายทำลายชีวิตจิตวิญญาณ
และรู้ที่จะสร้างภูมิคุ้มกัน ก็สามารถเดินบนหนทางแห่งความดีได้อย่างสบาย
แน่ล่ะบางที บางจังหวะ บางช่วง เราก็อ่อนแอ พ่ายแพ้ต่อแรงผจญ หากว่าเรามีพระอยู่ในชีวิตจิตใจเสมอ
เราก็สามารถที่จะรอดพ้นต่อการผจญนั้นได้ และแม้ว่าการผจญจะมาสักกี่ครั้งกี่หน
เราก็ต้องต่อกรกับมันเป็น อาศัยการสวดภาวนา การนิ่งสงบสยบความล่อลวง
ไม่ใช่สิ่งง่ายที่จะทำได้ แต่ถ้าไม่ทำ สักวันก็จะมานั่งเสียใจและเสียดายว่าไม่น่าทำเช่นนั้นเช่นนี้เลย....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น