วันเสาร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2568

ไม่เหลืออะไร

 

ไม่เหลืออะไร

>>> ในวันที่เราไม่เหลืออะไร คือวันที่เราจะได้เห็นอะไร <<<

จากเรื่องราวในกระแสสังคมไทย ที่เรามักให้ค่าของคนมี คนที่อวดรวย อวดเก่ง อวดมี แล้ววันหนึ่งเกิดความพลิกผัน ความจริงปรากฎว่าทั้งหมดเป็นเรื่องเปลือกปลอม จนวันนี้แทบไม่เหลืออะไร แม้แต่ที่จะยืนในสังคม แต่ในบางคนก็พบเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด จนทำให้ไม่เหลืออะไรจริงเลยก็มี คนไม่เคยพบเจอแทบจะไม่รู้สึกอะไร แต่คนที่เคยก้าวผ่านจากที่ชีวิตเคยมี เคยได้ เคยเป็น แล้ววันหนึ่งแทบไม่เหลืออะไรสักอย่าง มันเศร้า โดดเดี่ยว สิ้นหวัง ท้อแท้หดหู่ เหงา เซ็ง หมดอาลัยตายอยาก จะเหลียวหาใครสักคนไม่มี เป็นความรู้สึกแย่ ยากเกินบรรยาย สิ่งเหล่านี้นี่แหละ คือ เหตุผลว่า ทำไมเราต้องอยู่คนเดียวให้เป็น ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับพระเจ้าในตัวเราให้ได้และรักตัวเอง แม้วันหนึ่งไม่มีใครรัก เรายังเหลือตัวเราที่ยังรักและพระเจ้าที่ต้องการที่สุด เพราะไม่ว่าชีวิตจะเจอเรื่องราวที่ก้าวผ่านยากที่สุด สุดท้ายก็มีแค่ตัวเราที่ต้องผ่านไปให้ได้

แล้วเมื่อเรื่องราวร้าย ๆ ผ่านไปได้ เราจะรู้ว่าคนที่ยังอยู่สำคัญมากกว่าคนที่ห่างหายไป จากมิตรสนิทจะแปลเปลี่ยนเป็นคนแปลกหน้า จากคนที่ไว้วางใจจะกลายเป็นคนเดินผ่านไปอย่างไร้ตัวตน จากคนที่สนทนาพูดคุย จะเปลี่ยนเป็นคนติฉินนินทาเรา จองล้างจองผลาญไม่เลิก จากคนเคยรักจะเปลี่ยนเป็นคนเลวในที่สุด

นบางคนยิ่งเราให้ค่ามากเท่าไหร่ เราย่อมเจ็บปวดมากเท่านั้น แต่กับคนบางคนไม่ค่อยแสดงออก แค่กลับเป็นคนที่อยู่เคียงข้างเรา ไม่เคยหนีหายไปไหน เราต้องรู้จักที่จะรักษาไว้ วันที่ไม่เหลืออะไรเลย จะรู้ว่าใครเป็นมิตรแท้หรือมิตรเทียม ใครรักจริงหรือแกล้งรัก แต่สำหรับเราผู้มีความเชื่อในวันที่ไม่เหลือใคร เรายังมีพระเจ้าอยู่กับเราทุกกรณี และพร้อมอภัยเราในทุกเรื่องราวที่เราหลงไป เป็นพ่อที่พร้อมจะโอบกอดเราในวันที่สิ้นหวัง....

วันเสาร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2568

การเติบโตที่เปลี่ยนแปลง

 

การเติบโตที่เปลี่ยนแปลง

>>> คนเราเติบโตขึ้นไม่ใช่เพราะกาลเวลาที่ผันผ่าน

แต่เป็นเพราะเรื่องราวที่ผ่านพ้นเข้ามาต่างหาก <<<

มีต้นไม้หลังบ้านต้นหนึ่ง ยามได้ฝนมันจะแตกกิ่งก้านอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งลามมาในระเบียง ก็ต้องคอยตัดทิ้งเป็นประจำ แต่พอเราเอาต้นไม้ชนิดอื่นไปลง ก็ไม่งอกงามและเหี่ยวเฉาตายหมด นึกในใจว่า ต้นที่ต้องการให้ขึ้นก็ไม่เกิด ต้นที่ไม่อยากเห็นก็โตได้โตดี แต่ใช่หรือไม่ ต้นไม้ไม่อาจเลือกได้ทั้งที่เกิดและที่จะโต คนเราสิ แม้อาจจะเลือกที่เกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่ที่จะโตได้ เพราะคนเราไม่ใช่ต้นไม้อย่าไปฝังรากผิดที่ อย่าไปฝังใจผิดคน เมื่ออยู่ถูกที่เราจะเติบโตอย่างมีคุณภาพ ทั้งร่างกาย และจิตใจ ทุกเรื่องราว ทุกความผิดหวัง ทำให้เราเติบโต

พอโตขึ้นการมีทัศนคติที่ดีเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะมุมมองที่เรามีต่อโลกมีต่อปัญหา ต่อผู้คนรอบข้าง ต่อความผิดหวัง ต่อความล้มเหลว จะมีผลกับความสุขของเรา ถ้ามีทัศนคติที่ติดลบ เราจะมองทุกอย่างเป็นแค่โชคร้ายและเป็นเรื่องของคนอื่นที่ทำให้เราดูแย่ แต่ถ้าเรามองในมุมบวก เราจะเห็นว่ามันเป็นบทเรียน ที่ทำให้เราเติบโตเป็นคนที่แกร่งขึ้น เข้มแข็งต่อทุกเรื่องที่จะผ่านเข้ามามากขึ้น ต่อให้จะเจอเรื่องเลวร้ายแค่ไหน ทัศนคติที่ดีนั้นก็จะทำให้เราผ่านไปได้ ถึงจะไม่ง่ายแต่อย่างน้อยเราจะได้เรียนรู้ ทัศนคติเปลี่ยนได้แค่พาตัวเองออกไปอยู่กับคนแบบนั้นอยู่ในพื้นที่ที่เห็นคุณค่าและคอยผลักดัน

ชีวิตเรามีทัศนคติที่ดีได้แค่เราเปลี่ยนมุมที่มองสิ่งที่เจอ มีสิ่งหนึ่งที่ชอบเป็นการส่วนตัว เวลาไปไหนมาไหน เห็นต้นไม้ใหญ่ที่มีรูปทรงสวยมักจะต้องหามุมถ่ายภาพเก็บไว้ ป็นเหมือนได้มองเห็นการเติบโตที่สวยงาม ที่ก่อให้เกิดร่มเงากับทุกสรรพสิ่ง และก็ให้บทเรียนกับเราเสมอว่า กว่าจะเป็นเช่นนี้ได้ต้องผ่านอะไรมามากมาย ก็เหมือนเราพอเวลาผ่านไป เราจะเติบโตขึ้นไปเป็นคนใหม่จากเด็กน้อยที่ร้องไห้บ่อย ๆ กลายเป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็งถึงแม้มีบ้างบางครั้งจะแอบร้องไห้ แต่เราจะอดทนเก่งขึ้นและผ่านมันไปได้ทุกครั้ง

จากวันวานสู่วัยวันนี้ ได้เรียนรู้ว่า โลกไม่ได้หมุนรอบตัวเรา เป็นเราต่างหากที่ต้องหมุนไปกับสิ่งรอบตัว จากที่ไม่ประสาอะไร พอเติบโตขึ้นเราจะเก่งในแบบของเราและมีเส้นทางเป็นของตัวเองที่ไม่ใช่เหมือนใคร ใช่หรือไม่ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหนเราจะต้องโตขึ้นและก้าวต่อไปเสมอ


เมื่อเราเติบโตหลายสิ่งหลายอย่างก็มักจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น โตแล้วไม่ชอบใคร ก็เก็บไว้ในใจโตแล้วต้องมีความอดทน อดกลั้นต่อปัญหา โตแล้วควรรู้ว่า อะไรควรพูด อะไรควรเงียบ ควรพูดตอนไหน ตอนไหนควรปิดปาก ไม่ใช่พูดทุกเรื่อง พูดทุกอย่างที่คิดแบบนี้ชีวิตจะเดือดร้อน โตแล้วต้องรู้จักยอมรับความจริงให้ได้ว่า ชีวิตมีได้ก็มีเสีย มีขึ้นมีลง มีชนะมีแพ้ มีขาดทุนมีกำไร มีหัวเราะมีร้องไห้ มีกลางวันมีกลางคืน มีร้อนมีหนาว ยอมรับความจริงให้ได้ ชีวิตนี้จะมีความสุข โตแล้วต้องแยกแยะให้ได้ว่า อะไรดี อะไรชั่ว คนไหนคบได้ คนไหนคบไม่ได้ คนไหนแค่รู้จักพอ คนไหนสนิทได้เพราะทุกคนไม่ได้ดีกับเรา ไม่ได้จริงใจกับเราทุกคน โตแล้วอะไรยอมได้ก็ยอม การยอมแพ้ไม่ได้แปลว่าแพ้เสมอไป บางครั้ง การยอมแพ้นำมาซึ่งชัยชนะที่ยิ่งใหญ่กว่าการเป็นฝ่ายชนะด้วยซ้ำ โตแล้วรู้จักรักตัวเองให้ได้ แต่อย่ารักตัวเองจนกลายเป็นคนเห็นแก่ตัว โตแล้วสิ่งที่ต้องทำให้ได้ ต้องรีบทำคือตอบแทนบุญคุณ คนที่เขาเคยช่วยเหลือคนที่เขายื่นมือมาช่วยเรา โต ๆ กันแล้วไม่พูดมาก ประหยัดคำพูด เติบโต เปลี่ยนแปลงเพื่อเป็นร่มเงาแก่ผู้คนดีกว่าปล่อยให้เป็นลำต้นที่ผุพังไปกับกาลเวลา

วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2568

ที่ที่สบายใจ

 

ที่ที่สบายใจ

>>> ไม่สบายใจตรงไหนก็ตัดขาดจากตรงนั้นทิ้งไป อย่าใช้ชีวิตซับซ้อน <<<

เป็นเพราะอะไร? สภาพแวดล้อม หรือสภาพร่างกาย ที่ทำให้การป่วยไข้แต่ละครั้ง กว่าอาการจะคืนสู่ภาวะปกติต้องใช้เวลานานแสนนาน โดยเฉพาะอาการ “ไอ” ที่มักจะเกิดการคันคอทุกครั้งที่ต้องเผชิญกับมลภาวะในเมืองกรุง แต่พอมีเวลาได้ออกมาในสถานที่ที่อากาศสดชื่น ต้นไม้เขียวขจี อาการดังกล่าวหายไป หรือว่า เมื่อเราออกจากที่ที่เคยอยู่ ในสภาพแวดล้อมเดิม ทำให้จิตใจเราสบาย ร่างกายก็เลยเข้มแข็งขึ้นมา

ความรู้สึกสบายใจ เป็นสิ่งที่เรามักมองข้าม หลายคนมักมองหาความสุข ความสำเร็จในรูปแบบที่ดูยิ่งใหญ่ มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร ใช่หรือไม่ ความสบายใจเป็นพื้นฐานของความสุข สนทนาอยู่กับใครแล้วรู้สึกสบายใจ ไปอยู่ที่ไหนแล้วสบายใจ ทำอะไรแล้วสบายใจ ให้เวลามาก ๆ กับสิ่งที่ทำให้เราสบายใจ แท้ที่จริง...ชีวิตอาจไม่ได้ต้องการอะไรมากแค่ได้อยู่ในที่ที่ไปอยู่แล้วมีความสุข

อยู่แล้วสบายใจทำอะไรก็ได้ อยู่ที่ไหนก็ได้ ที่ไม่ทำร้ายคนอื่น และไม่ทำลายตัวเอง อยู่ตรงไหนมีความสุข ก็อยู่ตรงนั้นนาน ๆ “ความสุขเล็ก ๆ ” ที่เรียกว่า “ความสบายใจ” นั้น บางทีก็แค่รู้จักให้เวลากับตัวเอง พักสมอง ผ่อนคลายพักกายลงบ้าง หมั่นคอยใส่ใจดูแลสุขภาพบ้าง ไปยังสถานที่ใหม่ ๆ ไปเจอกับบรรยากาศดี ๆ ผู้คนที่น่ารักบ้าง ออกท่องเที่ยวกับคนรู้ใจและคนที่มีวิถีชีวิตที่เหมือนกัน พยายามทำในสิ่งที่ดี พูดจาดี สิ่งเหล่านี้ก็จะดึงดูดความดีงาม ความใสกระจ่างมาสู่ชีวิตเรา ทำให้เรามีความสุขได้มากกว่าการอยู่กับผู้คนมากมายเป็นไหน ๆ

วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2568

พิษร้ายสาม อ

 

พิษร้ายสาม อ

>>> ในโลกที่เจริญล้ำ กลับมีพิษร้ายทำร้ายจิตวิญญาณมากมาย <<<

อาหาร การกิน :  ในโลกที่เจริญดังเช่นวันนี้มีอาหารแปรรูป เมนูอาหาร สูตรอาหารให้เราเลือกหาอย่างสะดวกสบาย ทั้งมีวัตถุดิบในการเลือกหา เพื่อเพิ่มรสชาติของอาหาร ความหลากหลายของอาหารกลายเป็นความอยาก กลายเป็นการเสพพิษร้ายเข้าไปในร่างกายอย่างไม่รู้ตัว โรคอ้วน โรคที่เกี่ยวกับการกิน จึงกัดเซาะชีวิตของผู้คนจำนวนมหาศาล เราต้องสูญเสียทรัพย์ เพื่ออาหารยังไม่พอ เราต้องสูญสิ้นทรัพย์ เพื่อรักษาอาการป่วยจากอาหารที่เรานำเข้าสู่ร่างกายอีกต่างหาก

หากเราหันมามองดูทุกศาสนาจึงมุ่งเน้นเรื่องของการรู้จักที่จะควบคุมการกินการอยู่ มีช่วงเวลาให้เราพักฟื้นร่างกาย หันมารู้จักควบคุมอาหาร หันมาควบคุมตัวเอง บังคับ ให้เลือก ให้หยุด เพื่อชำระสารพิษจากอาหารคงค้างในร่างกายเราออกไปบ้าง และเป็นการเอาชนะใจตังเอง เพื่อมีเวลาในการบำรุงอาหารทางด้านจิตวิญญาณ อดอาหาร เพื่อเพิ่มความอดทน

อำนาจ บารมี : ในโลกที่พัฒนาในหลายมิติของวันนี้ มนุษย์เรากลับหิวโหยในอำนาจ พยายามสร้างตัวตนให้มีบารมี เพื่อที่จะได้ยึดครองอำนาจ เมื่อมีอำนาจก็ใช้อำนาจเพื่อตัวเอง ใช้อำนาจกอบโกย เอารัดเอาเปรียบผู้คน จึงเกิดการแย่งชิง เกิดการขัดแย้ง นำไปสู่สงครามย่อย ๆ และการทำลายทำร้ายกันทั้งทางตรงและทางอ้อม กลิ่นหอมของอำนาจมันเย้ายวนชวนให้หลงใหล จนหลงตัวเองว่า โลกทั้งใบเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว แท้จริงแล้ว เราก็เพียงเศษเสี้ยวของจักรวาล  ยิ่งแสวงหาอำนาจ ยิ่งเสื่อมค่า ยิ่งเสพติดอำนาจ ยิ่งหมดคุณค่าทางจิตวิญญาณ

อำนาจหากถูกใช้อย่างถูกต้อง จะเป็นส่วนหนึ่งที่นำผู้คนสู่สันติสุข อำนาจมิได้มีเพื่อตัวเอง อำนาจควรมาพร้อมกับหน้าที่ที่ต้องนำพาผู้คนให้พ้นทุกข์ อำนาจไหนเพิ่มทุกข์ให้ผู้คนอำนาจนั้นจะกลับมาทำร้ายตัวเอง และที่สุดอำนาจที่แท้จริง คือ อำนาจที่จะรู้จักควบคุมตัวเอง มิให้ไปเอารัดเอาเปรียบคนอื่น อำนาจที่จะรู้จักรักและอภัย อำนาจทางจิตวิญาณนั้นงดงามมีบารมีดีกว่าอำนาจจอมปลอมที่ผู้คนกำลังแสวงหากันอยู่

อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ : ในโลกที่เจริญทางด้านเครื่องไม้เครื่องมือสมัยใหม่ แต่เรากลับเห็นผู้คนหันไปพึ่งพาอิทธิฤทธิ์ จากคนเข้าทรง หมอผี เกิดเจ้าพ่อ เจ้าแม่ ขึ้นมามากมาย ต่างก็โอ้อวด อิทธิฤทธิ์ สร้างปาฏิหาริย์ ดูดวง กำหนดโชคชะตาได้ คนที่เจริญแล้วจำนวนไม่น้อยก็หลงไปนับถือบูชา อย่างไม่ลืมหูลืมตา หรือแท้จริงแล้วโลกยิ่งเจริญ จิตใจผู้คนยิ่งอ่อนแอลง ขนาดว่าเรามีเครื่องมือที่จะพิสูจน์เรื่องบางเรื่องได้ แต่ก็มิอาจจะทำให้หลายคนออกจากหลุมพรางความศักดิ์สิทธิ์ที่จอมปลอมนั้นได้ โลกที่การสื่อสารเจริญขึ้นกลับกลายเป็นเครื่องมือนำไปสู่การโปรโมทอิทธิฤทธิ์กันง่ายขึ้น เป็นช่องทางทำมาหากินกับผู้คนที่อ่อนล้าทางจิตวิญญาณ

    อิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์บางทีก็แยกไม่ออกกับความเชื่อทางศาสนา นำมาเชื่อมโยงผูกพันกันมั่วไปหมด ความเชื่อของเราต้องมีความไว้วางใจเป็นที่ประจักษ์ เรายึดมั่น มั่นคงเพียงใด? อย่าหวั่นไหวไปกับอิทธิฤทธิ์ที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ และหลุดหลงไปในกระแส เราจะฝากจิตวิญญาณของเราไว้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อหวังผลประโยชน์อย่างนั้นหรือ?  คนเรานั้นหากเราเชื่อในสิ่งที่เราไว้วางใจ เพียงเท่านี้เราก็ค้นพบปาฏิหาริย์ขึ้นภายในใจแล้ว

หากวันนี้เรารู้ถึงพิษร้ายที่กัดเซาะกร่อนทำร้ายทำลายชีวิตจิตวิญญาณ และรู้ที่จะสร้างภูมิคุ้มกัน ก็สามารถเดินบนหนทางแห่งความดีได้อย่างสบาย แน่ล่ะบางที บางจังหวะ บางช่วง เราก็อ่อนแอ พ่ายแพ้ต่อแรงผจญ หากว่าเรามีพระอยู่ในชีวิตจิตใจเสมอ เราก็สามารถที่จะรอดพ้นต่อการผจญนั้นได้ และแม้ว่าการผจญจะมาสักกี่ครั้งกี่หน เราก็ต้องต่อกรกับมันเป็น อาศัยการสวดภาวนา การนิ่งสงบสยบความล่อลวง ไม่ใช่สิ่งง่ายที่จะทำได้ แต่ถ้าไม่ทำ สักวันก็จะมานั่งเสียใจและเสียดายว่าไม่น่าทำเช่นนั้นเช่นนี้เลย....

วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2568

พันธุ์ดีมีในสวนใจ

 

พันธุ์ดีมีในสวนใจ

>>> เราต่างมีสวนแห่งใจ ซึ่งต่างต้องดูแลให้พันธุ์ไม้เจริญเติบโต <<<

มีเพื่อนข้างบ้านคนหนึ่งซึ่งเกษียรแล้ว แต่ดูร่างกายยังแข็งแรง และก็เป็นคนขยัน ชอบปลูกต้นไม้หน้าบ้าน ทุกพันธุ์ไม้ที่นำมาปลูกต่างงดงาม ออกใบเขียวขจี ด้วยความเอาใจใส่ รดน้ำ หาปุ๋ยบำรุง และเฝ้าเช็ดใบไม่ให้ฝุ่นจับ หันมาดูหน้าบ้านเราจะปลูกอะไรก็มักไม่รอด เพราะไม่ค่อยมีคนอยู่บ้านช่วงกลางวัน ต้นไม้ขาดคนดูแล เมื่อได้พูดคุยและชมเพื่อนบ้านว่าดูแลต้นไม้ดีมาก เขาจึงอาสามาดูแลต้นไม้หน้าบ้านให้ ด้วย “น้ำใจ” ที่ให้มา ทำให้หน้าบ้านน่าอยู่ สะอาดสะอ้านขึ้น เพราะความเอาใจใส่ของเพื่อนข้างบ้านคนนั้น ด้วยน้ำใจที่มีต่อกันทำให้การอยู่ด้วยกันในบริเวณเดียวกันไม่มีความขัดแย้งกัน นี่ก็เป็นสันติสุขเล็ก ๆ ในมุมเมืองที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและแข่งขัน

ใช่หรือไม่ เราต่างก็มีสวนแห่งใจของแต่ละคน มีเมล็ดพันธุ์แห่งอุปนิสัยหลากหลาย มีเรื่องราวผ่านมาผ่านไปมากมาย ทั้งที่ดีงามไม่ดีงาม มีทั้งขาวทั้งมืดมน เทา ๆ ก็มากหลาย หากเรารดน้ำให้สารอาหารเมล็ดพันธุ์ไหน เมล็ดพันธุ์ของนิสัยนั้นก็จะเติบโตเจริญขึ้นในจิตใจ และชีวิตจำต้องเรียนรู้ที่จะบ่มเพาะนิสัยที่ดีงามในใจ ความเชื่อ ความรัก ความเมตตา การมองโลกด้วยใจที่ดี ความเสียสละ ความขยันหมั่นเพียร ความอ่อนน้อมถ่อมตน คิดดี พูดดี ทำดี เป็นผู้ไม่เบียดเบียน ล้วนเป็นสารอาหารชั้นดีที่จะหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณ และต้องหมั่นถาถอนนิสัยที่ไม่ดีงามออกทิ้งไปบ้าง ความวิตกกังวล ความลังเลสงสัย ความเศร้าหมอง การเปรียบเทียบ หมั่นดูแลการกระทำ คำพูด ความคิด ด้วยปรีชาญาณของพระจิตเจ้าอยู่เสมอ สวนแห่งจิตใจเรา ย่อมร่มรื่นขึ้นเรื่อย ๆ และที่สุดเราต้องแบ่งปันคุณค่าของการดูแลนี้ออกไปด้วย “น้ำใจไมตรี” สู่คนรอบข้าง

น้ำใจ คือ ความเอื้อเฟื้อ ไมตรี คือ ความหวังดี สองสิ่งนี้หากได้รับจากใคร โปรดถนอมและรักษาไว้ให้ดี เพราะมิตรภาพนั้น ไม่ได้อยู่ที่ลมปาก หากแต่ว่าอยู่ที่การกระทำ สิ่งที่ลึกและตื้นที่สุดในโลกนี้ คือ “น้ำใจ” สิ่งที่กว้างและแคบที่สุดในโลกนี้ คือ “ใจของคน” สรรพสิ่งในโลกเดิมทีมีน้ำใจต่อกัน  แต่เป็นเพราะเราต่างหมางเมินต่อกันจึงแล้งน้ำใจต่อกัน

เขาว่ากันว่า เสน่ห์ของคนเรานั้นในระยะยาวมิใช่รูปร่างหน้าตา ทว่าเป็นน้ำใจ ความเมตตาความรู้จักพูด ความเชื่อมั่น ตลอดจนกิริยามารยาท แม้แต่คนที่มีรูปร่างหน้าตาไม่ดีนัก ก็สามารถเพิ่มเสน่ห์ภายในได้ หากรู้จักที่จะปรับเปลี่ยนนิสัยบางอย่างให้ตั้งมั่น ในทางตรงข้าม แม้สวยหล่อเลิศเลอแต่หน้าดำคร่ำเครียดกับเรื่องต่ำตมทั้งหลาย คำพูด คำจา สารพัดพิษก็ส่งผ่านออกมา ก็ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ เพราะในสวนแห่งใจที่มีแต่ต้นเน่าเหม็นเต็มสวน

ความดีงามนั้นเอาไว้ผูกใจคนรู้จักใกล้ชิดให้สนิทใจ เป็นความทรงจำอันล้ำค่าในชีวิต เป็นความทรงจำที่อยากจำ ไม่ใช่ฝืนจำ ถ้าเราเป็นความทรงจำอันงดงามสำหรับคนอื่น ปากตรงกับใจ การกระทำตรงกับความคิด ผลไม่ใช่แค่ทำให้คนอื่นรู้สึกดี แต่จะทำให้เรารู้สึกดีตอนเมื่อยังเดินดินในโลกนี้ และเมื่อจากโลกนี้ไปสู่บ้านพระบิดาด้วย

อย่าได้ไปโทษสิ่งแวดล้อม ถ้าหากเราเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดี มีจิตใจที่เข้มแข็ง มีเป้าหมายที่ชัดเจน ไม่อ่อนด้อยให้กับอุปสรรค ไม่ลดละความพยายาม ถ้าเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีแล้ว ก็พร้อมที่จะเบ่งบานได้ทุกที่ทุกเวลาทุกสถานการณ์ เติบโต เรียนรู้ในทุกสถานการณ์ อย่ามัวไปเฝ้าอิจฉาสวนของผู้อื่น เฝ้าบ่มเพาะเมล็ดพันธ์ที่ดีในตัวเรา ให้มีจิตใจดี ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะดีตาม แค่เปลี่ยนความคิด เราก็จะได้สวนแห่งใจที่แสนจะร่มรื่นและงดงาม....