วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ปูทางหรือทางปู

 

ปูทางหรือทางปู

>>> ทางนั้นมีมากมายให้เราก้าวเดิน เราต้องเลือกทางที่เหมาะสมกับเรา <<<

หนทางชีวิตช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา มีอันต้องไปทำภารกิจแถว ๆ ชิดลม หลังสวน ราชประสงค์ ย่านดงรถติดชนิดที่ว่าเสียเวลากับชีวิตไปมากเกินความจำเป็น เดินทางด้วยรถไฟฟ้าสะดวกที่สุด และยังได้ออกกำลังกายเดินไปยังจุดหมายปลายทางด้วย ในช่วงหลายเดือนก่อนหน้านี้ ทางเดินยังปูด้วยอิฐตัวหนอน เป็นหลุมเป็นบ่อ พื้นไม่เสมอเวลาเดินต้องคอยหลบไปหลบมา ไม่นานมานี้ทางหน่วยงานของกรุงเทพฯ มีโครงการปรับภูมิทัศน์ ทำทางเดินเท้าใหม่จนแล้วเสร็จ ดูดีมีมาตรฐาน สะอาดและสะดวกขึ้น ร้านรวงที่เคยล่วงล้ำทางเท้าก็ลดหายไป 

ระหว่างเดินก็เห็นคนงานกำลังทำทางเท้าอย่างระมัดระวัง เพราะในแต่ละที่มีผู้คนต้องเดินไปเดินมาอยู่ตลอดเวลา ทั้งคนทำงานและคนใช้ทางต่างต้องคอยหลบคอยเบี่ยง จนเมื่อแล้วเสร็จเราจึงพบว่าทางเท้าแถวนี้ดูดีขึ้น ดูน่าเดินน่าใช้กว่าแต่ก่อน ทำให้คิดถึงทางเดินในชีวิตของแต่ละคน เป็นสิ่งที่ไม่เหมือนกันและเต็มไปด้วยความท้าทาย รวมถึงโอกาสต่าง ๆ ที่เราต้องเผชิญไปตลอดเส้นทาง การตัดสินใจ การเลือกทางที่เราเลือก ล้วนมีผลกระทบต่ออนาคตของเรา ชีวิตไม่ใช่เส้นตรงที่ราบรื่นเสมอไป

แต่เป็นเส้นทางที่มีทั้งขึ้นและลง บางครั้งอาจมีช่วงเวลาที่ยากลำบากที่ทำให้รู้สึกท้อแท้ แต่อย่าลืมว่าทุกอุปสรรคสามารถเป็นบทเรียนสำคัญที่ช่วยให้เราเติบโตและแข็งแกร่งขึ้น สิ่งสำคัญคือการไม่ยอมแพ้ในทางเดินของตัวเอง เรียนรู้จากประสบการณ์ มองเห็นคุณค่าในสิ่งที่เราเจอ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ความสำเร็จและความสุขที่แท้จริงมักจะอยู่ที่ปลายทาง และการเดินทางของเราแต่ละก้าวนั้นอาจจะมีคนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ คนที่คอยปูทางให้เราเดินมาอย่างมั่นคงและปลอดภัย บางคนเราอาจจะหลงลืมไปแล้ว บางคนจากห่างหายไปจากชีวิตเรา บางคนยังอยู่ดูเราอย่างเงียบ ๆ มีบ้างบางคนก็ร่วมเดินทางที่ปูมานั้นไปพร้อมกับเรา แล้วเราล่ะ เราเป็นคนที่ปูทางเดินให้กับใครบ้าง เป็นคนปูทางโดยไม่ต้องประกาศ ไม่ต้องโอ้อวดให้ใครต่อใครล่วงรู้บ้างไหม? 


ชีวิตของคนเราก็มีความหลากหลาย และไม่มีใครเดินบนเส้นทางเดียวกัน มีบางครั้งที่เราเดินบนเส้นทางที่ราบเรียบและสะดวกสบาย แต่ก็มีบางครั้งที่เราต้องผ่านทางที่ขรุขระและท้าทาย นี่คือสิ่งที่ทำให้ “ทางชีวิต” ของแต่ละคนมีความพิเศษและน่าสนใจ
การเลือกเส้นทางชีวิตเป็นเรื่องสำคัญที่กำหนดทิศทางของเรา บางคนเลือกที่จะเดินทางไปตามสิ่งที่ใจสั่งมา บางคนเลือกเส้นทางที่ปลอดภัยและมั่นคง และไม่มีทางใดที่ถูกหรือผิด ทุกเส้นทางมีความหมายในตัวของมันเอง

เราปูทางเดินของเราให้มั่นคงก่อนดีที่สุด เพื่อว่าจะได้รู้ว่าทางที่เราเลือกที่เราสร้างนี้เหมาะสมกับเรา อย่าไปเลือกทางตามแบบคนอื่น ที่เห็นแล้วมันสวยงาม เหมือนกับทางที่ปูเดิน เพราะเส้นทางนั้นไม่นานก็ถูกคลื่นลมโถมใส่ จนจางหายไป  เป็นทางที่เกิดขึ้นมาเพียงชั่วครั้งชั่วคราว อาจจะดูแปลก ดูสวยในบางเวลา ที่มันมิใช่ทางที่จะเป็นทางนำเราไปสู่จุดหมายปลายหวังได้

ระหว่างทางชีวิต สิ่งสำคัญไม่ใช่เพียงแค่ปลายทาง แต่เป็นการให้คุณค่ากับช่วงเวลาที่เรากำลังเผชิญ บางครั้งการเดินทางของเราไม่ได้มีความหมายแค่กับตัวเราเอง แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นด้วย การแบ่งปันประสบการณ์และเรื่องราวจากทางชีวิตของเราสามารถช่วยให้ผู้อื่นเห็นความหวัง และมีแรงบันดาลใจที่จะเดินตามเส้นทางของพวกเขาเอง แต่สิ่งสำคัญคือการที่เรายอมรับเส้นทางที่เราเลือกและเดินไปด้วยความมั่นใจและศรัทธาในตัวเอง และเดินตามทางของพระเจ้าเสมอ...


วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ตำแหน่งแห่งใจ

 

ตำแหน่งแห่งใจ

>>> ตำแหน่งไม่ทนทาน แต่ตำนานนี่สิคงทน <<<

อาจจะมีสักเสี้ยวหนึ่งของวันเวลาในชีวิต ที่เรามักคาดหวังถึงตำแหน่งแห่งตน ทำงานทำหน้าที่ก็เพื่อหวังจะมีตำแหน่ง เป็นความหวังในใจของทุกผู้คน มีบ้างบางคนที่ปรารถนาตำแหน่ง เพื่อช่วยเหลือคนอื่น เพื่อต่อยอดความดี แต่...เอาเข้าจริงหลายคนก็หลงใหลเมื่ออยู่ในตำแหน่ง เพราะมีอำนาจ มีบทบาทมากมาย โดยหลงลืมเนื้อแท้ที่ว่า “ตำแหน่งย่อมมาพร้อมกับความรับผิดชอบ” คนเราชอบมีตำแหน่ง แต่ไม่ชอบรับผิด ขอรับแต่ชอบ รับแต่การยกย่อง เช่นนี้แล้วเราจึงเห็นมีการใช้เงินใช้ทองเพื่อแลกซื้อตำแหน่งกันอย่างมโหฬาร จนกลายเป็นตำนานแห่งกลโกงทางออนไลน์ มีคนไม่มากนักที่มีตำแหน่งจะกลายเป็นตำนาน เพราะส่วนใหญ่มองว่า ตำแหน่งเห็นในโลกนี้ ส่วนตำนานเราไม่มีวันรู้ไม่มีวันเห็น...


 
“ตำแหน่ง” และ “ตำนาน”
ดูเหมือนจะเป็นคำที่ต่างกันด้านความหมายและการใช้งาน แต่ ทั้งสองคำนี้มีความสัมพันธ์กันในหลายแง่มุม คำว่า “ตำแหน่ง” กำหนดไว้สำหรับคนที่มีหน้าที่และความรับผิดชอบเฉพาะที่สอดคล้องกับตำแหน่งนั้น ๆ การมีตำแหน่งช่วยสร้างความชัดเจนในโครงสร้างองค์กรและเสริมสร้างระบบบริหารให้มีประสิทธิภาพ ตำแหน่งยังเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จและการยอมรับในสังคม

 “ตำนาน” มักหมายถึงเรื่องราวที่สืบทอดกันมา อาจเป็นเรื่องจริงหรือสมมติขึ้น เพื่อถ่ายทอดความเชื่อหรือคติสอนใจ เป็นที่มาของความดีงาม ที่ทำให้ผู้คนได้รับความคิดใหม่ ๆ และมีจินตนาการ ที่สร้างแรงบันดาลใจทำให้คนนั้นเป็นที่จดจำ ที่สุดแล้วในวันนี้เรามีตำแหน่งอะไรก็ตามไม่ใช่เรื่องสำคัญ ไม่ต้องไปคิดว่าตายแล้วอยากจะเป็นตำนาน เพียงแต่ว่าเรามีตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ในใจใครบ้าง มีใครได้พบเห็นแล้วสัมผัสถึงพระคริสต์ในตัวเราหรือเปล่า นี่ต่างหากที่เราควรจะต้องพยายามมีตำแหน่งนี้...

วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2567

รำพึงถึงเหตุรายวัน

 

รำพึงถึงเหตุรายวัน

>>> ไม่ต้องยืนในจุดที่ดีที่สุด เเค่มีความสุขในจุดที่ยืนอยู่นี่แหละ <<<

เรื่องราวหลากหลายรายวันเกิดขึ้นล้วนแต่นำพาสังคมที่พัฒนาทางด้านวัตถุมุ่งสู่กองทุกข์ ที่สร้างโดยคนที่ฉกฉวยประโยชน์จากกองทุกข์ของผู้คน แอบซ่อนเร้นหากำไรหากินกับความทุกข์ของชาวบ้าน หลอกลวงให้หลงงมงาย เอาความเชื่อมาหากิน หลอกตายใจว่าจะนำพาให้พ้นจากที่ที่เป็นอยู่ นำเอาภาพชีวิตที่หรูหรา เอาเงินเอาทองมากองให้เห็น แล้วสร้างบทว่าต้องทำตาม จึงจะประสบความสำเร็จ โลกในวันนี้เต็มไปด้วยความกลัว จึงเป็นที่มาของความทุกข์ยากลำบาก แล้วก็เที่ยววิ่งหาทางแก้ทุกข์ โดยไม่ยอมปล่อยวางทุกข์.....


 
เมื่อ..เจอ “ ความทุกข์ ”

 อย่า... ไปเปลี่ยนชื่อ   อย่า... ไปเปลี่ยนนามสกุล

อย่า... ไปแก้ดวง  อย่า... ไปบนบานศาลกล่าว

... แต่ให้อยู่กับ “ ความทุกข์นั้น ”

ให้ยาวนานเพียงพอ สังเกตมัน โอบกอดมันไว้

แล้ว... ใช้มัน เป็นเครื่องมือ ผลิตปัญญา ” ใหม่ให้คุณ...

มีปัญหาก็แก้กันไป แก้ไม่ได้ก็ปล่อยให้เป็นไป

ปล่อยให้การเอาชนะ เป็นเรื่องของกีฬา

หันมาใส่ใจกับความสุข  ที่ไม่เกินเอื้อมมือ ที่ไม่เดือดร้อนใคร

วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ปรุงจนปลอม

 

ปรุงจนปลอม

>>> สิ่งที่ปลอมอยู่ได้ไม่นานในโลกแห่งความเป็นจริง <<<

ความสุขของมนุษย์อย่างหนึ่ง คือ การรับประทานอาหารที่มีรสชาติถูกปาก วิวัฒนาการของการปรุงอาหารเป็นกระบวนการที่น่าสนใจ และมีความสำคัญต่อการพัฒนาของมนุษย์มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การปรุงอาหารได้เปลี่ยนแปลงไปตามวัฒนธรรม เทคโนโลยี และความต้องการของผู้คน ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ มนุษย์เริ่มต้นด้วยการใช้ไฟในการปรุงอาหาร ซึ่งช่วยให้เนื้ออร่อยขึ้นและทำให้ย่อยง่ายขึ้น ในยุคโบราณมนุษย์เริ่มใช้เครื่องมือในการเตรียมอาหาร มีด หินบด และหม้อดิน การปรุงอาหารมีความหลากหลายมากขึ้น พอเริ่มมีการค้าขาย การแลกเปลี่ยนวัตถุดิบและเทคนิคการปรุงอาหารระหว่างวัฒนธรรมต่าง ๆ ทำให้เกิดอาหารหลากหลายรูปแบบ ในศตวรรษที่ 18-19 การผลิตอาหารเริ่มมีการพัฒนาเทคโนโลยี มีการทำอาหารกระป๋องและการแปรรูป ยุคดิจิทัลในปัจจุบัน การแชร์สูตรอาหารออนไลน์ และการเข้าถึงวิดีโอสอนทำอาหารทำให้เราเรียนรู้และสร้างสรรค์อาหารใหม่ ๆ ได้ง่ายขึ้น

การทำอาหารแต่ละครั้ง เรามักจะใส่เครื่องหลากหลายอย่าง เพื่อเพิ่มความอร่อย เราทานอาหารเพื่อความอร่อยปากมากกว่าทานเพื่อรับคุณค่าทางอาหาร ความสามารถในการปรุงแต่งสร้างสรรค์คิดค้นทางด้านการกินนั้นซึ่งสัตว์อื่นไม่มี แม้เราจะพยายามปรุงแต่งสารอาหารเพื่อให้สัตว์เลี้ยงเราชอบ แต่ก็ใช่ว่าสัตว์เหล่านั้น จะเรียกร้องกินตาม มันก็กินเท่าที่มันหิว มีอะไรกินได้มันก็กิน ไม่ต้องใช้พ่วงปรุงอาหาร เหมือนเวลาเรากินก๋วยเตี๋ยวที่ต้องเติมน้ำตาล น้ำปลา น้ำส้วม พริก บางร้านมีพริกเผาด้วย ....

วิวัฒนาการของการปรุงอาหารไม่เพียงแต่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี แต่ยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ด้วย ความสร้างสรรค์ปรุงแต่งทำให้เรามนุษย์เจริญขึ้นมา ทำให้เกิดมีเทคโนโลยีมีสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ มากมาย ใช่หรือไม่ หากย้อนกลับไป กว่าที่มนุษย์เราจะคิดออกมาเป็นวัตถุปรุงแต่งสร้างสรรค์ได้ ก็คงเริ่มมาจากความคิดในใจที่อยากจะมีความสุข อยากจะสบาย ความอยากนี้มันอยู่คู่โลกมาทุกยุคทุกสมัย ยิ่งอยากมากเท่าไร เราก็ยิ่งมีสิ่งเกิดขึ้นมาใหม่ ๆ ใจเราก็ถูกปรุงแต่งขึ้นไปตามความอยาก ปรุงไปปรุงมา กลายเป็นความจอมปลอม เพราะถอยห่างจากความจริงมาเรื่อย ๆ

    ยิ่งวันนี้เราอยู่ในสังคมที่ถูกปรุงแต่งมีแต่ความฉาบฉวยและการโอ้อวด ใครโม้เก่ง พูดเก่ง มักจะกลายเป็นขวัญใจออนไลน์ อวดกันสร้างภาพ เอาความดีมาฉาย ต่อหน้าใจบุญกุศลลับหลังคนคือจอมมาร ปีศาจ พร้อมที่จะขับไล่ทุกคนที่มาขอความช่วยเหลือ บางทีสร้างภาพจนหลงเคลิ้มว่าตัวเองเป็นเช่นนั้น แต่ก็เป็นได้ไม่นาน เพราะการปรุงแต่งหาใช่ของแท้ บางคนสร้างภาพลักษณ์เพียงเพื่อจะได้ขายสินค้า เอาผลประโยชน์เข้าตัวเอง ทางที่ดีเราต้องเลิกเอาโลกจอมปลอมบนโลกโซเชี่ยลมาเปรียบเทียบกับชีวิตของเรา ในโลกแห่งความเป็นจริง ไม่มีใครเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่างหรอก ที่เราเห็นกันอยู่ ที่โชว์กันให้ว่อนเน็ตนั้น ส่วนมากเลือกที่จะโชว์ด้านที่ทำให้ตัวเองดูดี เป็นนักบุญด้วยกันทั้งนั้น  เราอย่าหลงเพีบงรูปลักษณ์ภายนอกที่ถูกปรุงแต่งมาแล้วเลย อย่าให้สิ่งที่ปรุงแต่งมาปั่นให้เราป่วน อย่ามัวสนใจแต่เรื่องของคนอื่นจนลืมมองสิ่งดี ๆ ที่อยู่รอบตัวเรา

สังคมในวันนี้เราเห็นการปรุงแต่งเนื้อหาเพื่อนำโอ้อวดกัน เพื่อต่อยอดความอยากของผู้คน และหาผลประโยชน์จากความอยากได้อยากมีของคนอื่น จนถึงขั้นอวดบุญด้วยทุนของคนอื่น ทุกคนต่างปรุงแต่งใส่กัน วนเวียนอยู่กับของปลอมแปลง ความสัมพันธ์ ความผูกพันที่เคยแนบแน่น มาถึงวันนี้มีแต่ความระแวง ระวังถึงความจริงใจต่อกัน ความสุข สันติของโลกกำลังถูกกลืนกินด้วยวัฒนธรรมแข่งกันปรุงแต่ง ตกลง ความจริงอยู่ตรงไหนกัน......