วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

วันที่มิตรเปลี่ยนเป็นมิจ

 

วันที่มิตรเปลี่ยนเป็นมิจ

>>>โลกพัฒนาไปไกล ที่ใจผู้คนยังโลภ ความจริงใจ จึงกลายเป็นสิ่งไร้ค่า <<<

        
   
 มิตร...มิตรภาพที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่วาจาไพเราะเสนาะหู
แต่เป็นมือที่ฉุดรั้งเราในช่วงที่สำคัญ

มิจ....โลกสวยเกินไป “อยู่ยาก” ในสังคมที่เงินสำคัญกว่ามิตรภาพ

โลกของมิตร...คนที่อยู่ใกล้เราในทุก ๆ วัน ทุกข์ร่วมกัน ไม่บ่น ไม่เรียกร้องสิ่งใด มิตรแท้ยอมพ่ายไปด้วยกัน

โลกของมิจ....คนจริงใจกลายเป็น “คนโง่” คนฉวยโอกาส กลายเป็น “คนฉลาด”

มิตรที่ต้องรักษา....คนที่คอยมองเราอยู่ห่าง ๆ เขาเหล่านั้น อาจกำลังห่วงใยใส่ใจเราอยู่ พร้อมช่วยเหลือไม่ว่าเวลาใดก็ตาม

มิจที่ต้องออกห่าง....ชอบทำดีเพื่อโอ้อวด  เวลาสุขจะรับมา เวลาทุกข์มักติดนั่นติดนี่ ไม่มีเวลาว่าง

มิตรภาพที่แท้จริง ในยามเรามีความสุข เขาอาจไม่ได้มาพะเน้าพะนอ ในยามที่เราอับจนหมดหนทาง เขากลับทำเพื่อเรา ในวันนี้โลกเต็มไปด้วยการหลอกหลวง ความยุติธรรมกลายเป็นเครื่องมือหาเงิน ไม่ต้องโลกสวย ไม่ต้องกลัวไม่มีใครคบ มิตรแท้ นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่เราจะมีแบบนั้นสักคนในวันนี้ ถ้ามีจงรักษาไว้ สำคัญ คือ มองคนให้ขาด เเละ ตัดคนให้เป็น ที่สุด เราต้องจริงใจและ เป็นมิตรสหายที่ดีงามกับตัวเราให้ได้ก่อน ....

วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

เมื่อกลัวจึงกล้า

 

เมื่อกลัวจึงกล้า

>>> ความกลัวคือแรงบันดาลใจให้กล้าและก้าวสู่การพัฒนา <<<

คนเราเกิดมาย่อมมีความกลัวติดตัวมาไม่มากก็น้อย อาจจะเพราะสภาพแวดล้อม อาจเพราะการเพาะบ่มสอนสั่ง

ตอนเด็ก กลัวนั่นกลัวนี่ เพราะถูกหลอก ถูกขู่ ถูกบอกให้กลัว

โตขึ้นกลัวเรียนไม่ได้ กลัวไม่มีเพื่อน กลัวไม่มีความรัก

มีงานทำก็กลัวเงินเดือนจะน้อย กลัวไม่ได้ตำแหน่ง กลัวการไม่มี..

                        สู่วัยที่วันเหลือน้อย กลัวตายบ้าง กลัวไม่มีคนเลี้ยงดู กลัวความโดดเดี่ยว กลัวเจ็บปวด กลัวสารพัด

สัจจะสอนว่า อย่ากลัวความตาย เพราะมันคือเงาของสิ่งมีชีวิต แต่จงกลัวชีวิตก่อนและหลังความตายให้มาก

ประพฤติตนให้ดีก่อนตาย เพื่อจะได้รับผลในชีวิตหลังความตาย ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด คือช่วงเวลาในปัจจุบัน ใช่หรือไม่ เราควรที่จะเข้าใจชีวิตของเราบนโลกแห่งความจริง  และตื่นมาทำวันนี้ปัให้ดีที่สุด เพื่อเตรียมตัวเราหลังความตายกลับสู่บ้านพระบิดา

หกล้มไม่น่ากลัว ที่น่ากลัว คือ ไม่ยอมลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

เกิดมาในครอบครัวฐานะยากจนไม่น่ากลัว ที่น่ากลัว คือ หนักไม่เอาเบาไม่สู้

คนอื่นดูถูกดูแคลนไม่น่ากลัว  ที่น่ากลัวก็คือ ตัวเองดูถูกตัวเอง

อย่าใช้ชีวิตอยู่กับคำนินทาของคนอื่น อย่าหวังความสุขจากการถูกยอมรับ

รู้ไว้เถิด ทุกคนต่างก็มีดีอยู่ในตัวเอง....

คนเราทุกคนต่างเคยตกที่นั่งลำบากเหมือนกันทุกคน

เมื่อใดที่เผชิญกับความยากลำบาก อย่าได้เอาแต่โทษกล่าวหรือปรักปรำ

ในเมื่อเราทุกคนย้อนกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ ก็ตั้งใจทำตอนนี้ เพื่อปูทางสิ่งที่ดีในอนาคต

คิดเป็น ทำเป็น บวกกับความมานะพยายาม  คนเช่นนี้ คือ คนที่ก้าวผ่านความกลัว

อย่าได้กลัวว่าจะไร้ตัวตนไม่มีคนมองเห็น

อย่าได้กลัวว่าจะโดดเดี่ยว ไม่มีใครเข้าใจ

เราโดดเดี่ยวมาตั้งแต่ต้น  คนที่ผ่านมาจะใกล้ชิดสนิทแค่ไหน  สุดท้าย ยังคงต้องผ่านไป

เข้าใจความไร้ตัวตน ละการดิ้นรนไขว่คว้า

จะอยู่ลำพัง กลางฝูงชน จะโดดเดี่ยวหรือมีคนเคียงข้าง

จะได้รับการยอมรับ หรือมองผ่าน เราก็ยังเป็นสุขได้ ด้วยตัวของเราเอง ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร

ดังคำกล่าวที่มีมา “ทองแท้” ย่อมไม่กลัวไฟ ใครจะว่าอะไรปล่อยเขาว่าไป คนฉลาดพอเขาจะฟังความรอบด้าน และจะกล้าทบทวนตัวเองว่า  เราเป็นไปตามสิ่งที่ผู้คนพูดถึงหรือไม่ แต่ก็ใช่ว่าต้องนำทุกคำพูดมานั่งคิด เพราะมันไม่สามารถทำให้เราก้าวพ้นหนทางเดิมได้

ความกลัวคือพระพรประการหนึ่ง เพื่อทำให้เรามีความถ่อมตน

ความกลัวสอนให้เราวางใจในพระเจ้าเสมอ

ความกลัวเป็นสิ่งเตือนตนเพื่อสร้างความกล้าสู่ความเก่ง โดยมีความรักเป็นศูนย์กลาง พร้อมนำพาสู่ความสุขสันติในชีวิต...

วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ให้ บุญ คุณ ค่า

 

ให้ บุญ คุณ ค่า

>>> บุญสร้างธรรม บุญมิได้วัดผลที่มูลค่า <<<

บุญไม่ได้อยู่ที่วัด แต่อยู่ที่จิตอันเป็นกุศล ไม่มีตัวตน แต่มีดอกผลคุ้มครองตัวผู้ทำ

ทางสายบุญ...ไม่ได้มีอยู่แค่สายเดียว แต่มีหลายร้อยสาย สุดแต่ใครจะมองเห็นได้


การทำบุญ...
ไม่ต้องทุ่มเทยิ่งใหญ่ เพราะความยากง่าย ไม่ได้อยู่ที่การลงทุน

ผู้แสวงบุญ...ไม่ต้องดิ้นรนแข่งขัน ไปทุกที่เพื่อทำทานให้บุญเกินตัว การสั่งสมบุญนั้นต้องรู้จักประมาณตน

 บุญใด??...ที่ทำแล้วเดือดร้อนตน บุญนั้นย่อมไม่เกิดกุศล ทำบุญด้วยใจ​ ทำแล้วเราไม่เดือดร้อน ทำมากหรือน้อย​ ย่อมได้ผลบุญเช่นกัน ทำแล้วไม่ต้องคิดต่อว่าสิ่งที่ทำบุญนั้นถูกนำไปใช้อย่างไร

            บุญไม่ต้องอวด...หากไม่จำเป็นก็ไม่ต้องถ่ายภาพลงสื่อ เพราะคุณค่าจะลดน้อยลง บ่อยครั้งทำให้จิตใจเราเกิดความอยากเด่นอยากดัง โดยเอาบุญบังหน้า และคำยกย่องสรรเสริญคือรางวัลในโลกนี้ แทนรางวัลในสวรรค์เสียแล้ว

บุญอยู่ที่ใจ... แค่คิดจะทำบุญก็สุขใจ ทำความดีแล้ว ไม่ต้องหวังผลตอบแทน ทำความดีแล้ว

ไม่ต้องให้ใครเห็น ทำความดีก็จารึกไว้ในใจแล้ว บุญคู่อยู่กับใจ ตายไปแล้วบุญก็จะตามติดไปสู่ราชัยสวรรค์

วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

สุขให้เป็นกับชีวิต

 

สุขให้เป็นกับชีวิต

>>> จะสักกี่คนที่รู้วันเวลาของตัวเอง มีเวลาก็สร้างสุขให้เป็น <<<

โลกวันนี้บอกเราว่า เงินทอง ทำให้คนวิ่งเข้าหา  แต่…“มัน” ซื้อความจริงใจไม่ได้เลย                                               

สังคมเพาะบ่มเราว่า   อำนาจจะทำให้คนเกรงกลัว แต่...“มัน”ไม่ทำให้คนเคารพนับถือจากใจจริงได้                        

       ใช่หรือไม่…การยอมรับว่าตนเองเป็นคนธรรมดา   ย่อมทำให้อยู่ง่ายกว่า  สบายใจกว่า...

การยอมรับว่าเป็นคนธรรมดาและทำชีวิตที่ธรรมดา ให้เป็นชีวิตที่ดี นั่นคือความ  ไม่ธรรมดาที่ยิ่งใหญ่ ไม่ต้องแก่งแย่งกับใครไม่ต้องรู้สึกว่าเหนือกว่า หรือไม่ยอมด้อยกว่าใคร   เพราะถึงอย่างไร เราก็เป็นแค่ คนธรรมดา

ทำในสิ่งที่รัก มีความสุขกับสิ่งที่ทำ   ให้เวลา และดูแลคนที่เรารัก ในวิถีชีวิตที่เรียบง่าย แค่นี้...ก็ไม่ธรรมดาแล้ว

เราต่างก็เคย สุข ทุกข์   สมหวังและผิดหวัง ต่างเคยมีความรัก “ทำให้หลง”  และถูก ความรัก “ทำร้าย”

“ชีวิต” มันไม่เคยเรียบง่าย  อดทน ” ให้กับมัน และมี “ ความสุข ” กับวันเวลาที่เหลืออยู่ มากน้อยไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวล

เพราะวันเวลาของเรา กับวาระของพระเจ้านั้นไม่เหมือนกัน…