เราล้วนต่างที่มาที่ไป
ในเส้นทางระหว่างเดินทางไปทำธุระแถวจังหวัดบุรีรัมย์
ผ่านลำตะคอง ตรงเกาะกลางถนนเคยมีตอม่อที่กำลังสร้างเป็นฐานเสาใหญ่รองรับทางลอยฟ้า
วันนี้หลายช่วงถนนเริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่าง ถนนถูกวางบนฐานใหญ่ กลายเป็นถนนลอยฟ้าที่จะเปลี่ยนวิถีชีวิตการสัญจรให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
เมื่อมองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ก็คิดถึงว่า
ก่อนการเปลี่ยนแปลงทุกครั้งย่อมต้องมีสาเหตุที่ไปที่มา
การสร้างถนนลอยฟ้านี้ก็เพื่อให้การสัญจรสะดวกรวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหน้าเทศกาลหรือช่วงวันหยุดยาว
เพื่อให้การเดินทางและการขนส่งมีความคล่องตัว และเพื่ออะไรอีกหลาย ๆ อย่างที่จะนำไปสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
ในวันที่เรากำลังเผชิญอยู่กับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ จึงเกิดปรากฏการณ์ใหม่ที่หลายคนบนโลกกำลังก้าวไปสู่จุดนั้น
นั่นคือ การอยากมี “ตัวตน” ซึ่งทำได้อย่างง่ายบนกระแสภิวัฒน์ดิจิทัลเช่นนี้
ขณะเดียวกัน เราก็เห็นหลายคนพลาดท่า พลาดพลั้ง เพราะการแสดงตัวตนที่เกินเลย สนองความอยากเด่นอยากดัง
เลยพังไม่เป็นท่า
แม้แต่เราเองก็ถูกกระแสการมีตัวตนเล่นงานทางอ้อมแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว กระแสแบบนี้ยิ่งทำให้ผู้คนเกิดความทะนงในตัวตนจนไม่ได้มองถึงความแตกต่างของสรรพสิ่ง
อยากทำอะไรก็ทำ คิดอย่างไรทำอย่างนั้น ข้ามขั้นข้ามตอน
และขาดความเคารพในความคิดเก่าก่อน ขาดความเคารพในความต่างของคนอื่น
หลายครั้งในชีวิตเรา ใช่หรือไม่ การกระทำของเราอาจจะไปทำให้คนอื่นหมดพลัง
หมดกำลังใจในการสร้างสรรค์ความดีความงาม เพราะเราเอาแต่ตัวตนของเราไปสวมใส่คนอื่น
โดยมิได้ศึกษาและเคารพความเป็นมาเป็นไปของคนคนนั้น
โดยอ้างเหตุผลว่าเพื่อก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง และแปลกใหม่ ทันยุคทันกระแส
ไร้เหลียวแลเหตุผลของสิ่งที่มีมาก่อน

เพราะเราต่างช่วงชิงเพื่อให้คนที่ได้รับเชิดชูมากกว่าทำเพื่อความสุขใจ
ทำเพื่อยกถวายขึ้นมอบแด่พระเจ้า การใช้การตลาดสร้างตัวตน มันไม่คงทนเท่ากับใช้ความดีกระทำให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้

ในโลกนี้ไม่มีใครสามารถแยกประเภทความแตกต่างมนุษย์ได้ทั้งหมด รู้แค่ว่า
คนนี้น่าจะเป็นแบบนี้ จากทัศนคติของเรา บางครั้ง เราไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง ที่มาที่ไป
แม้แต่ตัวของเราบางครั้ง ก็แสดงออกมาโดยที่เราไม่รู้ตัว พระเจ้าสร้างความแตกต่างขึ้นมา เพื่อให้โลกมีพัฒนาการ แต่เราก็มักคิดจะครอบครองโลกไว้เพียงคนเดียว
ด้วยการพยายามแสดงตัวตนให้ดูโดดเด่น โลกเราจึงมีพัฒนาการที่ไร้จิตวิญญาณมากขึ้น
ในความหมายคุณค่าทางจิตวิญญาณนั้นมาจากการยอมรับตัวตนของเราด้วยความสุภาพยอมรับคนอื่นด้วยความเคารพ
และมีทัศนคติที่ดีต่อความคิดเห็นของคนอื่น มองให้เห็นลึกลงไปว่า หากเป็นเราจะทำเช่นไร
ทำได้ดีเท่าเขาหรือไม่ เมื่ออยู่ในสภาวการณ์เช่นนั้น ทุกกรณีของผู้คน
ย่อมล้วนมีที่มาที่ไป คนพูดง่ายกว่าคนทำเสมอ คนวิจารณ์ย่อมไร้จินตนาการในความงาม เราจึงควรมองข้ามความพยายาม
ความศรัทธาของคนอื่นในทุกการกระทำ ความอ่อนน้อมกลายเป็นสิ่งที่โลกกำลังหลงลืม
ความสุภาพยอมรับความแตกต่างกลายเป็นความช่วงชิงที่ยืน เพื่อชูคอให้สูงกว่าคนอื่น
และที่สุดเรากำลังลืมสิ่งที่พระวาจาสั่งสอนเราอย่างน่าเสียดาย “ถ้าผู้ใดอยากติดตามเรา
ก็ให้เขาเลิกนึกถึงตนเอง” คำถามชวนคิดวันนี้ เรามีสำนึกตนเองมากกว่าการต้องการมีตัวตนใช่หรือไม่..สำนึกตัวเองแบบง่ายที่สุด
คือ หยุดคิดและเตือนตนเสมอว่า ทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไป เพื่อให้ใจเราสะอาดขึ้น
และทำตัวให้ผู้คนรู้ว่าเราเป็นศิษย์พระคริสต์มิใช่ศิษย์คิดล้างอาจารย์...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น