วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

ที่สุดของแสงสว่าง

 

ที่สุดของแสงสว่าง

>>> มาตรฐานของคนอื่นอาจจะไม่ใช่ที่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น <<<

เรากำลังก้าวสู่ความเสมือนจริงในทุก ๆ ด้าน ความจริงเริ่มหายไปเพราะเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ เข้ามามีบทบาท เป็นการรวบรวมข้อมูลแล้วสังเคราะห์สรุปออกมา จะเป็นความจริงหรือไม่ เครื่องไม่มีสามารถบอกเราได้ ความเสมือนจริงกำลังถูกสร้างเป็นมาตรฐานจริง ที่ไร้ชีวิตไร้จิตวิญญาณ ทั้งหลายทั้งปวง โลกในอนาคตก็จะใช้มาตรฐานเสมือนจริงเป็นเครื่องมือแข็งขันกัน ใช่หรือไม่แค่วันนี้เรายังใช้มาตรฐานของใครของมันตัดสินคนนั้นคนนี้กันอยู่....

ฉะนั้นแล้วเรามาฝึกที่อย่าได้ใช้มาตรฐานของเราในการไปตัดสิน เรียกร้องผู้คนและเรื่องราวที่เราเห็นแล้วไม่ถูกจริตไม่ถูกใจเรา เพราะว่าพระเจ้าสร้างเราแต่ละคนให้เติบโตมาด้วยประสบการณ์และวิถีทางที่แตกต่างกัน ผู้คนและเหตุการณ์ที่เราไม่ชอบ จะอย่างไรวันหนึ่งที่ต้องพบเจอ การตัดพ้อ โกรธเกรี้ยว บ่นว่ากล่าวกัน นอกจากจะทำร้ายตนเอง ทำร้ายผู้อื่น ทำลายจิตวิญญาณของเราให้ตกต่ำลงไปแล้ว ก็ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาแต่อย่างใด เราต้องพยายามเรียนรู้ที่จะเข้าในในทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่จะได้ช่วยเปิดประตูบานใหญ่ไปสู่แสงสว่าง ที่มีปลายทาง คือ ความเมตตา เราต้องไม่ไปอย่าก้าวก่ายชีวิตใคร ถ้าเขาไม่ได้ร้องขอ “เพียงรับฟัง” คือทางที่ดีที่สุด ไม่ตัดสิน ไม่บงการ ไม่ตำหนิ                                                                                  

การแสดงความเห็นนั้นไม่ผิด แต่การตัดสินในทุกเรื่องโดยใช้มาตรฐานของตัวเอง ไม่ใช่สิ่งที่ควารจะทำ เพราะว่าแต่ละคนผ่านโลกมาไม่เหมือนกัน จึงไม่แปลกที่ความคิด มุมมองทัศนคติที่มีต่อปัญหาจะต่างกัน ปัญหาของใครสุดท้ายเขาต้องเลือกเอง เคารพการตัดสินใจของคนอื่น คือมารยาทขั้นพื้นฐานที่เราควรจะมี ในโลกใบนี้ไม่มีความสมบูรณ์แบบที่ปราศจากความบกพร่อง อยู่ที่ใช้มาตรฐานใด อยู่ที่มองเห็นหรือไม่ ที่สำคัญหากขาดความบกพร่องความสมบูรณ์แบบนั้นก็ไม่ใช่ความสมบูรณ์แบบ


ในโลกที่มีสองด้านสองมุม ความสมบูรณ์มักจะเดินคู่เคียงไปกับความบกพร่อง เพราะเป็นการเปรียบกัน สวยกับขี้เหล่ ชอบกับเกลียด โง่กับฉลาด แข็งแรงกับอ่อนแอ ล้วนเป็นเรื่องปกติแห่งความจริงที่ทำให้เราเข้าใจโลก และเติบโตอย่างเข้มแข็ง เป็นที่สุดแสงสว่างในชีวิตเรา ใครบางคน “เกลียดเรา” ก็ไม่ได้แปลว่า เราจะแย่ ใครบางคน “ดูถูกเรา” ไม่ได้แปลว่า เราห่วย ใครบางคนเ “ไม่รักเรา” ไม่ได้แปลว่า เราไม่ดีพอ ใครบางคน “ถอยห่างเราไป” ไม่ได้แปลว่า เราไม่มีค่า อย่าใช้การกระทำของใครมาเป็นมาตรฐานตัดสินตัวเรา แต่ละคนมีสิทธิ์คิด เราก็มีสิทธิ์ของเรา คนอื่นก็มีสิทธิ์ของเขา เพราะพระเจ้าให้ความแตกต่างเพื่อให้เราไตร่ตรองชีวิต อย่าให้ใครมาลดทอนคุณค่าในตัวเรา และเราก็อย่าไปด้อยค่าคนอื่นด้วยเช่นกัน


สิ่งที่กำหนด ชีวิตของเราจะมีความสุขหรือไม่มีความสุขก็ขึ้นอยู่กับมุมมอง ความดีอาจมีองค์ประกอบไม่ดี และอาจมี องค์ประกอบดี ในสิ่งที่ไม่ดีก็เป็นไปได้ ดังนั้น เราจึงควรมีทัศนคติแง่บวก มองด้านดีของทุกสิ่ง และคิดดีในทุก ๆ ด้าน ทัศนคติ ที่ดีและมองโลกในแง่ดี เรื่องที่ไม่ดีก็จะกลับกลายเป็นเรื่องที่ดี เพราะดวงตาเรามองตรงไปยังเจตจำนงความรอดที่พระประทาน และนี่คือที่สุดของแสงสว่างส่องนำทางชีวิตเรา

ไม่มีความคิดเห็น: