พร้อมที่จะให้
ไม่ใช่ให้เมื่อพร้อม
การขับรถตามเส้นทางระหว่างภูเขาลูกหนึ่งไปอีกลูกหนึ่งจากเชียงใหม่ไปเชียงราย
ระหว่างเส้นทางถ้ำเขาหลวง ผ่านดอยผาหมี ดอยผาฮี้ มาทะลุดอยตุง จวบจนเส้นทางขึ้นแม่กำปอง
และจากอำเภอแม่วางขึ้นดอยอินทนนท์ เส้นทางเหล่านี้เต็มไปด้วยถนนที่คดโค้ง เลี้ยวไปเลี้ยวมา
บางโค้งหักศอกบางที่บางแห่งสูงชัน ถนนแคบ ๆ ต้องระมัดระวังประคับประคองพวงมาลัยให้นิ่ง
ต้องให้ทาง ต้องหยุด รู้ผ่อน รู้เร่ง เพื่อความปลอดภัยของเราและผู้ร่วมเดินทาง
โดยมีความหวังว่าเราจะได้ไปพบกับความสวยงาม ความสดชื่นที่รอเราอยู่ ณ เป้าหมายปลายทาง
การขึ้นไปสุดยอดดอย ได้สูดอากาศบริสุทธิ์สดชื่น ได้สัมผัสความเย็นในฤดูปลายฝนต้นหนาว
แม้ในบางจังหวะมีสายฝนโปรยปรายลงมาบ้าง เส้นทางชีวิตเราก็เป็นเช่นนี้มีสุขมีทุกข์
มีราบเรียบมีคดโค้ง มีร้อนมีหนาว คละเคล้ากันไป เพียงแต่อยู่ที่ว่า
เราจะเดินไปอย่างมีสติ ก้าวหน้าต่อไปอย่างรู้เนื้อรู้ตัวมากน้อยเช่นไร
เพื่อให้ตัวเองและผู้อื่นรอบข้างเราเดินไปด้วยกันอย่างปลอดภัย
ได้มีเวลานั่งดื่มด่ำรสชาติกาแฟสด
ชาอุ่น ๆ ในช่วงหยุดพักระหว่างทาง มองเห็นความเขียวขจีบนยอดเขา มองเห็นเมฆหมอกหยอกล้อกับยอดไม้บนดอยภู
ยิ่งดูยิ่งเพลิน ยิ่งเนิ่นนานยิ่งชื่นบานในหัวใจยิ่งนัก ใยธรรมชาติช่างสร้างสมดุล
เกื้อกูลกันได้เช่นนี้หนอ ต่างกับผู้คนที่นับวันยิ่งต้องการความยิ่งใหญ่แบบไม่ต้องลงทุนลงแรง
แข่งขันช่วงชิงให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมีได้ ละเลยความสุขที่แท้
ละเว้นความสงบ และไม่ใช้หัวใจที่จะช่วยเหลือเอื้ออาทรต่อกัน เราสามารถสร้างสมดุลในสังคมที่เราอยู่ได้ด้วยการรู้จักให้
ยิ่งให้เรายิ่งมีมากขึ้น
การได้ขึ้นไปเชียงรายครั้งนี้ยังได้พบเจอกับคุณพ่อบัญชา
อภิชาติวรกุล (คุณพ่อเคยมาช่วยทำมิสซาวันอาทิตย์ให้กับวัดเซนต์หลุยส์ของเรา
และคำเทศน์สอนของคุณพ่อก็เป็นที่ชื่นชอบของหลายคน) คุณพ่อได้อาสาพาไปเยี่ยมชมสถานที่ต่าง
ๆ ตามตารางเวลาที่คุณพ่อพอจะว่าง ได้เห็นถึงงานอภิบาลในดินแดนที่ห่างไกล
ได้เห็นถึงวิถีชีวิตผู้คนบนภู ความรักความเมตตาของพระเจ้าปรากฏให้เราเห็นในกิจการที่ผ่านการ
“ให้” โดยที่ไม่มีมิติของเวลา ฐานะ โดยที่ไม่มีคำอ้างเอ่ยว่ารอให้พร้อมก่อน
ทำให้นึกย้อนถึงเรื่องราวหนึ่งที่ได้อ่านผ่านตาจำใส่ใจไว้ เป็นเรื่องที่ให้ข้อคิดเกี่ยวกับเรื่องของการให้ได้ดีทีเดียว
ต้นไม้แก่ขอฝนจากเมฆก้อนน้อย เมฆก้อนน้อยตอบเพียงว่า
น้ำฝนมีอยู่น้อย กลัวว่ามันคงจะไม่พอให้ต้นไม้แก่ได้ชื่นใจ วันต่อมาเมฆก้อนน้อยก็ยังคงบอกเช่นเดิม
มันน้อยไป จึงไม่พร้อมที่จะให้...!!!
เมฆก้อนน้อยจึงเดินทางและพยายามสะสมฝนเพื่อที่จะให้มันมากพอ...!!!
และพอที่จะทำให้ต้นไม้แก่ได้ชื่นใจ เมื่อมีปริมาณมากพอเมฆน้อยจึงกลับมา แต่สิ่งที่พบข้างหน้ามีเพียงซากต้นไม้แก่ที่ตายแล้ว
เมฆน้อยได้แต่ร้องไห้แล้วถามว่า ทำไม? ความพยายามของฉันไม่มีค่าเลยเหรอ...!?!
ชายหนุ่มที่นั่งใต้ต้นไม้จึงได้แหงนหน้า
แล้วบอกเมฆน้อยไปว่า การที่เราจะให้อะไร? แก่ใครสักคนที่เรารักนั้นมันไม่ต้องรอให้มากพอ
หรือรอความพร้อมอะไรหรอก ให้เท่าที่มี ก็ทำให้คนรับชื่นหัวใจได้ ความพยายามเป็นสิ่งที่ดี
แต่มันก็มีเวลาเป็นเงื่อนไข !!!
อย่าไปรอให้รวย
!!! ถึงจะทำอะไรให้คนที่เรารัก
อย่าไปรอให้พร้อม
!!! ถึงจะทำอะไรให้คนที่เรารัก
เพราะคนที่เรารัก
อาจไม่มีเวลามากพอที่จะรอเรา !!!

ในเส้นทางชีวิตของเราแต่ละคนไม่มากก็น้อยจะต้องพบพานกับความรู้สึกที่ว่า
“สายไปแล้ว”เพราะเรามักจะรอให้พร้อมทุกสิ่งทุกอย่างก่อนที่จะเริ่มลงมือทำ
และก็ไม่เคยรู้สึกถึงความพร้อมสักที จนกระทั่งในวันที่เราต้องสูญเสียสิ่งที่รักไป
เราจึงเกิดความเสียดายที่ยังไม่ได้ให้ความรักและความช่วยเหลืออย่างเต็มที่
และคิดไปเองว่า สิ่งที่เราพยายามให้พร้อมนั้นจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด ไม่มีความพร้อมใดจะยิ่งใหญ่เท่ากับใจที่พร้อม
การให้ไม่จำเป็นต้องรอให้มี รอให้พร้อม การให้ต้องไม่หวังว่าจะได้นั่งในตำแหน่ง
ไม่หวังว่าจะได้รับการชื่นชมสรรเสริญ ให้ด้วยใจ ย่อมสุขใจ หากให้ด้วยเปลือกคงได้แค่เปลือก
แล้วสิ่งใดเล่า? ที่เราปรารถนาจะมีความสุขอย่างแท้จริง อย่ารอเวลาเพราะทุกเวลาคือพระพรที่จะมอบให้กันและกัน...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น