สละ(กัน)เสียบ้าง..
6 มิถุนายนที่ผ่านมา (วันที่เขียนสารวัดฉบับนี้พอดี) เป็นอีกครั้งหนึ่งที่คนไทยได้เห็นปรากฏการณ์ดาวศุกร์ผ่านหน้าดวงอาทิตย์เหนือฟากฟ้าเมืองไทย ปรากฏการณ์นี้จะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของเราที่จะมีโอกาสได้เห็น เพราะว่าปรากฏการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2660 หรืออีกกว่าหนึ่งศตวรรษในอนาคต ใครจะมีโอกาสอยู่ถึงวันนั้นบ้างหนอ....!!!! ก็อย่างที่ทราบๆกันนี่เป็นปรากฏการณ์ที่ดาวศุกร์เคลื่อนที่ผ่านแนวเส้นตรงที่เชื่อมระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ ทำให้ดวงอาทิตย์ ดาวศุกร์ และโลก เรียงตัวอยู่ในแนวเดียวกัน เมื่อสังเกตจากโลกจะเห็นดาวศุกร์ปรากฏเป็นจุดกลมเล็กเคลื่อนที่ผ่านดวงอาทิตย์ หลายคนคงได้ดูได้เห็นภาพสวยๆจากสื่อต่างๆ


สังคมในยุคปัจจุบัน เป็นสังคมของการแข่งขันไปเสียเกือบจะทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันเพื่อแสวงหาปัจจัยยังชีพ แข่งขันกันเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ แข่งขันกันเพื่อแสวงหาอำนาจและบารมี หรือแข่งขันกันเพื่อเอาตัวรอดโดยลำพัง คุณค่าคนถูกแทนที่ด้วยราคาคน เรื่องความเสียสละจึงถูกแปรเปลี่ยนเป็นเรื่องของการเรียกร้องให้อาสา คนยุคใหม่จึงมีแต่การเรียกร้องมากกว่าการเสียสละให้ผู้อื่น ซ้ำร้ายไปกว่านั้นเรากลับมีมุมมองของเรื่องการเสียสละเพียงแค่ “สละ” ของที่ “เสีย” แล้ว ใช้ไม่ได้แล้วนำไปให้ผู้อื่น การเสียสละที่แท้จริงต้องมาจากใจที่ยอมสละให้สิ่งที่ดีๆแก่ผู้อื่น สละเวลาส่วนตัวเพื่อทำคุณประโยชน์ให้ส่วนรวม สละความเป็นตัวตนเพื่อน้อมรับฟังผู้อื่น สละอคติติดตัวแล้วไตร่ตรองในสิ่งที่เห็นที่ฟังที่ได้สัมผัส สละนิสัยเสียๆของเราที่มักเรียกร้องให้คนอื่นชื่นชมในทุกผลงาน สละความอวดรู้อวดเก่งเบ่งภูมิ แต่รู้จักที่จะแบ่งปันให้ผู้อื่นได้รับความรู้จากเราอย่างฉลาดและเข้าถึง
การเสียสละนั้นนำไปสู่การให้ ถ้ามองอย่างผิวๆแล้ว คำสองคำนี้ดูจะเหมือนๆกัน แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปในรายละเอียดแล้วจะพบว่า “การเสียสละ” เป็นสิ่งที่น่ายกย่องและน่าชมเชย แต่ “การให้” นอกจากจะน่ายกย่องและน่าชมเชยแล้ว ยังประเสริฐสูงสุดด้วย “การเสียสละ” เป็นการกระทำไปเพียงเพื่อเพราะปรารถนาดี แต่ “การให้” เป็นการทำเพื่อให้เกิดคุณงามความดีอย่างแท้จริง “การเสียสละ” ให้ความรู้สึกขาดแคลน แต่ “การให้” นำความรู้สึกเต็มตื้นและอุดมสมบูรณ์มาสู่ชีวิต
วิเคราะห์ลงลึกไปกว่านั้น “การเสียสละ” คือ การแบ่งปันสิ่งที่มีอยู่อย่างจำกัดให้กับบุคคลอื่นด้วยความปรารถนาดี ผู้แบ่งปัน จึงรู้สึกขาดแคลน ขาดหายไป ในระดับลึกๆของจิตใจและจิตวิญญาณจะรู้สึกสูญเสีย สร้างความรู้สึกไม่ดีอย่างร้ายกาจและบาดแผลในใจ คาดหวังสิ่งตอบแทนที่จะมาชดเชยอย่างเงียบๆ ถึงแม้จะพูดว่า “ฉันไม่ต้องการสิ่งตอบแทน” ก็ตาม ส่วนผู้รับ นั้นถึงแม้จะชื่นชมยินดี ซาบซึ้งและมองเห็นคุณความดีของผู้แบ่งปัน แต่เขาจะรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ เช่นกันทั้งผู้แบ่งปันและผู้รับจะรู้สึกขาดหายไปทั้งคู่ ส่วน “การให้” นั้นเป็นการแบ่งปันสิ่งที่มีอยู่อย่างอุดมล้นเหลือไม่จำกัดให้กับบุคคลอื่นด้วยความปรารถนาดีและอิ่มเอิบ ผู้แบ่งปันรู้สึกมั่งคั่ง รู้สึกถึงความล้นพ้นประมาณเปี่ยมล้น ในจิตใจได้รับและดึงดูดความมั่งคั่งล้นเหลือมาในจิตใจและจิตวิญญาณ ผู้รับ จะได้รับการแบ่งปันอย่างเต็มใจและไม่รู้สึกผิด มีแต่จะปลาบปลื้มชื่นชมยินดี
ใช่หรือไม่ ถ้าเป็นคนที่เรารัก เรามักจะเสียสละได้ง่ายกว่า แต่กลับคนที่เราไม่ชอบ ไม่คุ้นเคย การเสียสละย่อมต้องมีสิ่งขัดขืน และเมื่อจะต้องให้ก็ไม่ได้ให้ด้วยหัวใจของผู้เสียสละ พ่อแม่ยอมเสียสละความสุขให้กับลูกเพราะรู้ว่าการเห็นลูกสุขย่อมสุข คนเป็นเพื่อนที่สนิทกันยอมที่จะเสียสละให้เพื่อนได้ง่ายกว่าเพื่อนทั่วๆไป แต่วันนี้เรามีเพื่อนแท้จริงกันสักกี่คน เพราะต่างฝ่ายต่างระแวงระวังว่าจะถูกเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดหรือเปล่า และแน่นอนการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้ และถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์และความงดงามครบบริบูรณ์ นั่นคือ การให้ชีวิตเพื่อผู้อื่น จะมีสักกี่คนที่ทำได้บนโลกใบนี้ เห็นมีแต่ผู้คนที่เรียกร้องหาความเสียสละ แต่กลับไม่ยอมแม้กระทั่งจะสละน้ำใจตนเองกันบ้างเลย....สังคมที่จะอุดมไปด้วยการให้คงจะอยู่ไกลและริบหรี่
กว่าดาวศุกร์ที่มองเห็นในวันนี้เสียอีก....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น